สวัสดีครับวันนี้จะมาเล่าเรื่องราวว่าทำไม พระพิฆเนศ พระองค์ท่านจึงมีเศียรเป็นช้างนะครับ ผมคิดว่าหลายๆคนคงยังไม่รู้เรืาองราวเลยนำมาเขียนเป็นบทความให้อ่านกันนะครับ ^^
เหตุที่พระพิฆเนศวรมีเศียรเป็นช้าง
(วันโลกาวินาศและการไม่นอนหันศีรษะไปยังทิศตะวันตก) สืบเนื่องมาจากในสมัยก่อนนานมากแล้ว
มีนางเทพอัปสรนางหนึ่ง เป็นข้ารับใช้ของพระสรัสวดี (ชายาของพระพรหม)
แต่เนื่องจากนางเป็นนางเทพอัปสรที่มีจิตใจไม่คค่อยดีนะครับไม่เคยที่จะปฏิบัติธรรมคติแห่งจารีต
จึงเป็นที่เกลียดชังในหมู่นางเทพอัปสรด้วยกันเอง
ครั้งต่อมานางลงมาจุติถือกำเนิดเป็นจ้าวแห่งช้างน้ำ
มีนามว่า "อสุรภังคี" มีอำนาจกล้าแข็งเที่ยวเบียดเบียนตรีโลกจนให้ได้รับความเดือดร้อนไปทั่ว
ความทราบถึงพระอิศวรเจ้า พระอิศวรจึงมีดำริจะให้พระขันฑกุมารไปปราบเพื่อความสงบสุขของตรีโลก
แต่ให้เข้าพิธีโสกันต์เสียก่อน
ณ
เขาไกรลาสในเมื่อวันมงคลฤกษ์โสกันต์มาถึง พวกเทพยดา ก็ต่างมากันพร้อมหน้าพร้อมตา ณ เขาไกรลาส แต่บังเอิญว่าในวันนั้น
พระนารายณ์ซึ่งจะต้องมาทำพิธีตัดพระเกสาให้เป็นมงคลแก่องค์พระขันฑกุมารเผลอบรรทมหลับสนิท
พระชายาของพระองค์ (พระนางลักษมี) ก็ไม่สามารถที่จะปลุกบรรทมได้ พระอิศวร, พระพรหม และเหล่าเทพยดาทั้งหลายก็รอพระนารายณ์อยู่นาน จวนจะถึงฤกษ์อยู่แล้ว
พระอิศวรจึงให้สมเด็จอมรินทราธิราชนำ มหาสังข์พิชัยยุทธไปเป่าปลุก บรรทมพระนารายณ์ จนในที่สุดพระนารายณ์ตื่น สมเด็จอมรินทราธิราช (พระอินทร์)
จึงทูลว่าพระอิศวรให้มาเชิญไปทำพิธีโสกันต์พระขันฑกุมาร
แต่เนื่องจากขณะนั้นเองพระนารายณ์ยังอยู่ในอาการครึ่งหลับครึ่งตื่น
พระองค์จึงเผลอพลั้งพูดกล่าววาจาสิทธิ์ออกไปว่า "ลูกหัวหาย
จะนอนหลับให้สบายก็ไม่ได้" และด้วยวาจาสิทธิ์ขอพระองค์
เศียรของพระขันฑกุมารจึงอันตรธานหายไป
ครั้งพระนารายณ์และสมเด็จอมรินทราธิราชเดินทางมาถึงสถานที่กระทำพิธีโสกันต์แล้วไม่พบเศียรของพระกุมาร
พระนารายณ์ถึงกับพูดว่า "นี่มันวันโลกาวินาศหรืออย่างไร"
(วันที่เศียรของพระขันฑกุมารอันตรธานหายไปจึงถูกเรียกว่าวันโลกาวินาศตั้งนั้นเป็นต้นมานะครับ)
บรรดาเทพทั้งหลายต่างอยู่ในอาการตกอกตกใจในเหตุที่เกิดขึ้น
แต่ว่าพระวิษณุกรรมตั้งสติคืนกลับมาเร็วกว่าเทพองค์อื่น
พระองค์ทะยานลงไปยังพื้นพิภพเพื่อตามหาเศียรของพระขันฑกุมารที่ขาดหายไป
แต่ว่าในวันนั้นพระองค์ไม่สามารถหาเศียรของพระขันฑกุมารได้เลยโดยหากพระองค์ไม่สามารถนำเศียรหรือศีรษะของสัตว์ชนิดใดนำมาต่อเข้ากับร่างของพระขันฑกุมารภายในชั่วเวลานี้จะทำให้พระอิศวรไม่สามารถชุบชีวิตพระโอรสได้อีกเลย
พระวิษณุกรรมจึงใช้ญาณทิพย์มองดูมนุษย์ที่ถึงฆาตหรือนอนหันศีรษะไปทางทิศตะวันตกเลย
(ชาวพุทธส่วนใหญ่เชื่อกันว่าหากนอนหันศีรษะไปทางทิศตะวันตกจะถูกทวยเทพตัดศีรษะเอา)
พระองค์พบเพียงพญาช้างตนหนึ่งนอนหันหัวไปในทิศดังกล่าว
พระวิษณุกรรมจึงตัดมาต่อให้กับองค์พระขันฑกุมาร แล้วพระเป็นเจ้าทั้งสาม (พระอิศวร, พระพรหม, พระนารายณ์)
จึงเปลี่ยนนามให้ใหม่ว่า "พระคเณศ" หรือ "พระพิฆเนศ" ด้วยเหตุทั้งหมดนี้นะครับ พระพิฆเนศวรจึงมีพระเศียรเป็นช้างดังเช่นที่เห็นกันในปัจจุบันนั้นเองครับ ^^
วันพฤหัสบดีที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2556
วันพุธที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2556
กำเนิดพระพิฆเนศ
สวัสดีครับและในบทความนี้ผมจะขอนำเสนอ เกี่ยวกับเรื่ององค์พระพิฆเนศ ต่อนะครับ และในบทความนี้ผมจะสำเสนอ " เรื่องการกำเนิดองค์พระพิฆเนศ " ให้ทุกคนทราบนะครับ คิดว่าคงมีหลายๆคนที่ยังไม่ทราบนะครับ ^^
กำเนิดองค์พระพิฆเนศ
มีตำนานเล่ากันว่าในสมัยก่อนพวกอสูรมักนิยมบำเพ็ญเพียรภาวนาเพื่อสังเวยบูชาพระเป็นเจ้า โดยหากครั้งใดสามารถบำเพ็ญเพียรภาวนาสังเวยบูชาพระเป็นเจ้าได้สำเร็จแล้ว พระเป็นเจ้า ไม่องค์ใดองค์หนึ่งเกิดใจอ่อนประทานพรให้ พวกอสูรมักจะก่อความเดือดร้อนวุ่นวายจนโกลาหนไปทั่ว เดือดร้อนถึงพระนารายณ์ต้องอวตารลงไปปราบอยู่บ่อยๆ (นารายณ์สิบปาง)
เมื่อเป็นเช่นนี้ทวยเทพทั้งหลายจึงวางแผนเข้าเฝ้าพระอิศวร ขอให้พระองค์สร้างเทพบุตรขึ้นมาเพื่อเป็นเทพเจ้าแห่งการขจัดอุปสรรคทั้งปวงแก่บรรดาทวยเทพ และเป็นเทพเจ้าแห่งอุปสรรคสำหรับเหล่าอสูร เพื่อเหล่าอสูรจะได้ไม่สามารถบำเพ็ญเพียรภาวนาสังเวยบูชาพระเป็นเจ้าได้สำเร็จ
พระอิศวรจึงสร้างพระพิฆเนศวรขึ้นมาสมความตั้งใจของทวยเทพทั้งหลาย พระอิศวรเห็นด้วยกับทวยเทพ จึงให้โอรสกำเนิดขึ้นมามีลักษณะและอิทธิฤทธิ์ตามที่เหล่าทวยเทพต้องการ พระองค์ประทานนามโอรสว่า " พระวิฆเนศวรหรือพระพิฆเนศ " แต่ส่วนใหญ่รู้จักกันในนาม " พระคเณศ " พระอิศวรได้แนะนำสั่งสอนให้พระโอรสคอยขัดขวางปราบปรามพวกอสูรและให้คอยช่วยเหลือเหล่าทวยเทพ ชนทั้งหลายจึงเคารพบูชากราบไหว้พระคเณศสืบต่อกันมาจนถึงทุกวันนี้นะครับ ^^
กำเนิดองค์พระพิฆเนศ
มีตำนานเล่ากันว่าในสมัยก่อนพวกอสูรมักนิยมบำเพ็ญเพียรภาวนาเพื่อสังเวยบูชาพระเป็นเจ้า โดยหากครั้งใดสามารถบำเพ็ญเพียรภาวนาสังเวยบูชาพระเป็นเจ้าได้สำเร็จแล้ว พระเป็นเจ้า ไม่องค์ใดองค์หนึ่งเกิดใจอ่อนประทานพรให้ พวกอสูรมักจะก่อความเดือดร้อนวุ่นวายจนโกลาหนไปทั่ว เดือดร้อนถึงพระนารายณ์ต้องอวตารลงไปปราบอยู่บ่อยๆ (นารายณ์สิบปาง)
เมื่อเป็นเช่นนี้ทวยเทพทั้งหลายจึงวางแผนเข้าเฝ้าพระอิศวร ขอให้พระองค์สร้างเทพบุตรขึ้นมาเพื่อเป็นเทพเจ้าแห่งการขจัดอุปสรรคทั้งปวงแก่บรรดาทวยเทพ และเป็นเทพเจ้าแห่งอุปสรรคสำหรับเหล่าอสูร เพื่อเหล่าอสูรจะได้ไม่สามารถบำเพ็ญเพียรภาวนาสังเวยบูชาพระเป็นเจ้าได้สำเร็จ
พระอิศวรจึงสร้างพระพิฆเนศวรขึ้นมาสมความตั้งใจของทวยเทพทั้งหลาย พระอิศวรเห็นด้วยกับทวยเทพ จึงให้โอรสกำเนิดขึ้นมามีลักษณะและอิทธิฤทธิ์ตามที่เหล่าทวยเทพต้องการ พระองค์ประทานนามโอรสว่า " พระวิฆเนศวรหรือพระพิฆเนศ " แต่ส่วนใหญ่รู้จักกันในนาม " พระคเณศ " พระอิศวรได้แนะนำสั่งสอนให้พระโอรสคอยขัดขวางปราบปรามพวกอสูรและให้คอยช่วยเหลือเหล่าทวยเทพ ชนทั้งหลายจึงเคารพบูชากราบไหว้พระคเณศสืบต่อกันมาจนถึงทุกวันนี้นะครับ ^^
พระพิฆเนศกับศิลปะ
สวัสดีครับบทความนี้ผมจะมาเล่าที่มาและความเชื่อกันในกลุ่มคนที่เรียนศิลปะกันนะครับ อย่างที่รู้กันว่าเด็กที่เรียนศิลปะทุกคนจะนับถือ องค์พระพิฆเนศ กันนะครับ ซึ่งตัวผมเองก็เช่นกัน และที่มาของความเชื่อ ความสัทธา นั้นก็มีดังนี้นะครับ ^^
พระพิฆเนศ เทพเจ้าแห่งศิลปะวิทยาการ ความสำเร็จ ขจัดความขัดข้องทั้งปวง คนในสมัยก่อนมักชอบพูดกันว่า "อยากเก่งทางรบ ทางการสงครามให้ไหว้พระขันฑกุมาร"
"แต่หากอยากเก่งทางศิลปะและการแต่งหนังสือให้ไหว้พระพิฆเนศ"
**และในเมืองไทยนั้นเรามักจะเห็นคนที่ทำงาน หรือเรียนทางด้านศิลปะนิยมกราบไหว้บูชาองค์พระพิฆเนศวรกันเป็นจำนวนมาก เนื่องจากคนไทยถือกันว่าการกราบไหว้บูชาองค์พระพิฆเนศวจะช่วยให้เก่งทางด้านศิลปะ การแต่งหนังสือจะไม่พบอุปสรรค ขวากหนามและความขัดข้องหมองใจทั้งปวงก็จะถูกขจัดปัดเป่าจนหมดสิ้นไปนั้นเองนะครับ**
นอกจากนี้พระพิฆเนศยังได้ชื่อเป็นเทพสากล เพราะบัญญัติแห่งศาสนพิธีของฝ่ายพราหมณ์-ฮินดู ได้สถาปนาให้เป็นเทพพระองค์แรก ซึ่งต้องกราบไหว้บูชาก่อนเริ่มมงคลพิธีใดๆ ทั้งทางโลกและทางธรรม ยกเว้นงานเดียวที่ห้ามอาราธนา คือ งานศพ ด้วยถือว่าเป็นอวมงคลพิธี พระคเณศหรือพระวิฆเนศตามความนิยมแห่งไสยศาสตร์ได้กล่าวไว้ว่า เป็นเจ้าแห่งความรู้ เป็นหัวหน้านำคณะข้ามความขัดข้อง หรือบางทีก็เรียกว่า สิทธิบดี (เป็นใหญ่เหนือความขัดข้อง) บางพวกก็เรียกว่า อขุรถ (ขี่หนู), คชมุข (หน้าเป็นช้าง), เอกทนต์ (งาเดียว), ลัมพกรรณ (หูยาน), สัมโพทร (ท้องยาน), หรือทวิเทต (ตัวสองลอน)
** และที่สำคัญ พระคเณศวร เป็นเทพเจ้าด้านศิลปะทั้งมวล ไม่ว่าการตกแต่ง การวาด การปั้น วรรณศิลป์ทุกชนิด ล้วนมีส่วนเกี่ยวข้องทั้งสิ้น ดังนั้นบทไหว้ครูงานเขียนการเซ่นไหว้บูชาเพื่อขอพรชาวช่าง จึงมีการอันเชิญเทพพระพิฆเนศมาเป็นเทพบันดาลความไม่ขัดข้อง ขจัดสิ่งที่เป็นอุปสรรคทั้งผองให้สิ้นไป ทำให้งานศิลป์พบความสำเร็จสมประสงค์นั้นเองนะครับ**
และนี้คือเหตุผลที่ทำให้คนที่ทำงาน หรือเรียนทางด้านศิลปะ นั้นจึงนับถือองค์พระพิฆเนศนั้นเองนะครับ ^^
พระพิฆเนศ เทพเจ้าแห่งศิลปะวิทยาการ ความสำเร็จ ขจัดความขัดข้องทั้งปวง คนในสมัยก่อนมักชอบพูดกันว่า "อยากเก่งทางรบ ทางการสงครามให้ไหว้พระขันฑกุมาร"
"แต่หากอยากเก่งทางศิลปะและการแต่งหนังสือให้ไหว้พระพิฆเนศ"
**และในเมืองไทยนั้นเรามักจะเห็นคนที่ทำงาน หรือเรียนทางด้านศิลปะนิยมกราบไหว้บูชาองค์พระพิฆเนศวรกันเป็นจำนวนมาก เนื่องจากคนไทยถือกันว่าการกราบไหว้บูชาองค์พระพิฆเนศวจะช่วยให้เก่งทางด้านศิลปะ การแต่งหนังสือจะไม่พบอุปสรรค ขวากหนามและความขัดข้องหมองใจทั้งปวงก็จะถูกขจัดปัดเป่าจนหมดสิ้นไปนั้นเองนะครับ**
นอกจากนี้พระพิฆเนศยังได้ชื่อเป็นเทพสากล เพราะบัญญัติแห่งศาสนพิธีของฝ่ายพราหมณ์-ฮินดู ได้สถาปนาให้เป็นเทพพระองค์แรก ซึ่งต้องกราบไหว้บูชาก่อนเริ่มมงคลพิธีใดๆ ทั้งทางโลกและทางธรรม ยกเว้นงานเดียวที่ห้ามอาราธนา คือ งานศพ ด้วยถือว่าเป็นอวมงคลพิธี พระคเณศหรือพระวิฆเนศตามความนิยมแห่งไสยศาสตร์ได้กล่าวไว้ว่า เป็นเจ้าแห่งความรู้ เป็นหัวหน้านำคณะข้ามความขัดข้อง หรือบางทีก็เรียกว่า สิทธิบดี (เป็นใหญ่เหนือความขัดข้อง) บางพวกก็เรียกว่า อขุรถ (ขี่หนู), คชมุข (หน้าเป็นช้าง), เอกทนต์ (งาเดียว), ลัมพกรรณ (หูยาน), สัมโพทร (ท้องยาน), หรือทวิเทต (ตัวสองลอน)
** และที่สำคัญ พระคเณศวร เป็นเทพเจ้าด้านศิลปะทั้งมวล ไม่ว่าการตกแต่ง การวาด การปั้น วรรณศิลป์ทุกชนิด ล้วนมีส่วนเกี่ยวข้องทั้งสิ้น ดังนั้นบทไหว้ครูงานเขียนการเซ่นไหว้บูชาเพื่อขอพรชาวช่าง จึงมีการอันเชิญเทพพระพิฆเนศมาเป็นเทพบันดาลความไม่ขัดข้อง ขจัดสิ่งที่เป็นอุปสรรคทั้งผองให้สิ้นไป ทำให้งานศิลป์พบความสำเร็จสมประสงค์นั้นเองนะครับ**
และนี้คือเหตุผลที่ทำให้คนที่ทำงาน หรือเรียนทางด้านศิลปะ นั้นจึงนับถือองค์พระพิฆเนศนั้นเองนะครับ ^^
เขียนรูปหกเหลี่ยมด้านเท่าโดยใช้ไม้ฉาก
สวัสดีครับกลับมาในบทความนี้ ผมจะแนะนำอีกวิธีนึงของการเขียนรูปหกเหลี่ยมนะครับ วิธีแรกที่ได้นำเสนอไปในบทความที่แล้วจะเขียนด้วยการใช้วงเวียนนะครับ
**และในบทความนี้ผมก็จะนำเสนออีกวิธีการเขียนนึง คือการเขียนด้วยการใช้ไม้ฉากสามเหลี่ยมนะครับ งั้นเรามาเริ่มกันเลยนะครับ**
ภาพแสดงการเขียนรูปหกเหลี่ยมด้านเท่าในวงกลมโดยใช้ไม้ฉากสามเหลี่ยม
ขั้นตอนการเขียน
1. สร้างวงกลมให้มีขนาดความโตเท่ากับเส้นทแยงมุมของรูปหกเหลี่ยมที่เส้นผ่าน ศูนย์กลาง PQ และ RS ตามรูปนะครับ
2. เส้นผ่านศูนย์กลางของวงกลมใช้บรรทัดสามเหลี่ยม 30 องศา ทำมุมกับเส้น PQ ทั้ง สองด้าน (หรือใช้มุม 10 องศา ทำมุมกับแนวดิ่ง เขียนเส้นตัดกับเส้นรอบวงของวงก็จะได้จุด ABC และ D ขึ้นมานะครับ)
3. ลากเส้นต่อจากจุดตัด AB BS SC CD DR และ RA ตามลำดับนะครับ ทีนี้เราก็จะได้รูปหกเหลี่ยมด้านเท่าแล้วนะครับ
ไม่อยากอย่างที่คิดใช้มั้ยครับ ^^ สามารถเอาไปทดลองทำหรือเอาไปสอนต่อได้เลยนะครับงานนี้ แล้วครั้งหน้าผมจะกลับมานำเสนอบทความดีๆอีกนะครับ ^^
วันอังคารที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2556
วิธีเขียนรูปหกเหลี่ยมด้านเท่า
สวัสดีครับกลับมาอีกครั้งนะครับ และในบทความนี้ผมจะขอนำเสนอวิธีการเขียนแบบรูปทรงหกเหลี่ยมด้านเท่า โดยใช้วงเวียนนะครับ ซึ่งวิธีการเขียนก็ไม่ได้ยากอะไรเลยนะครับ งั้นเรามาเริ่มกันเลยนะครับ ^^
ภาพแสดงการเขียนรูปหกเหลี่ยมด้านเท่าในวงกลมโดยใช้วงเวียน
ขั้นตอนการเขียนก็จะมีดังต่อไปนี้นะครับ (ดูตามภาพประกอบกันไปได้เลยนะครับ)
1. เขียนวงกลมตามขนาดของรูปหกเหลี่ยมด้านเท่า ดังแสดงในช่องที่ 1
2. ที่จุด A กางวงเวียนรัศมี AO (รัศมีของวงกลม) เขียนส่วนโค้งไปตัดเส้นรอบวงที่จุด C และ D ตามภาพที่แสดงในช่องที่ 2 นะครับ
3. ที่จุด B กางวงเวียนรัศมีเดิม เขียนส่วนโค้งไปตัดเส้นรอบวงที่จุด E และ F ตามภาพที่แสดงในช่องที่ 3
4. ขั้นตอนสุดท้ายนะครับไม่ยากเลยคือ ลากเส้นตรงจาก A-D, D-F, F-B, B-E และ C มาบรรจบที่ A ก็จะได้รูปหกเหลี่ยมด้านเท่าในวงกลม ดังแสดงในช่องที่ 4
** เห็นมั้ยครับง่ายๆ ทำได้สบายไม่ได้ยากอย่างที่หลายๆคนคิดเลยใช้มั้ยครับ ลองทำกันดูได้เลยนะครับ **
การสร้างรูปแปดเหลี่ยมด้านเท่า
สวัสดีครับบทความนี้ผมได้แรงบันดาลใจมาจากรุ่นน้องผมนะครับ รุ่นน้องกำลังเรียนเขียนแบบเบื้องต้น แล้วมีงานให้เขียนรูปแปดเหลี่ยมด้านเท่าโดยใช้วงเวียน ผมจึงคิดว่าหลายๆคน คงยังไม่รู้วิธีทำเลยนำมาเขียนเป็นบทความ เผื่อจะมีประโยชน์กับใครๆบ้างนะครับ ^^ งั้นเรามาเริ่มกันเลยนะครับ
ภาพวิธีสร้างรูปแปดเหลี่ยมด้านเท่า
ขั้นตอนการเขียนมีดังต่อไปนี้นะครับ (ดูตามภาพตัวอย่างได้เลยนะครับ)
1. สร้างวงกลมเท่าขนาดความโตของรูปแปดเหลี่ยมที่เราต้องการหรือตามขนาดที่กำหนดไว้นะครับ
2. ใช้บรรทัดสามเหลี่ยมมุม 45 องศา เขียนเส้นสัมผัสส่วนโค้งของวงกลมตรง ตำแหน่งมุมเฉียง 45 องศา กับจุดศูนย์กลาง 4 เส้น ด้านบนและด้านล่างวงกลมครับ
3. ใช้ไม้ที เขียนเส้นสัมผัสกับเส้นผ่าศูนย์กลางแนวดิ่งทั้งด้านล่างและดา้นบน จะได้ จุดตัดกับเส้น 45 องศา จะได้เส้น AB และ CD นะครับ
4. ใช้บรรทัดสามเหลี่ยมเขียนเส้นตั้งฉาก และสัมผัสเส้นผ่าศูนย์กลางแนวนอน จะได้ จุดตัดกับเส้น AB และ CD จะได้เส้น FE และ HG
5. ลากเส้นต่อจุดตามจุดตัดที่เกิดขึ้นทั้งหมดตามลำดับ AB BF FE ED DC CH HG และ GA จะได้รูปแปดเหลี่ยมด้านเท่าตามรูปที่แสดงให้ดูนะครับ
เห็นมั้ยครับว่าเขียนไม่ยากเลย เพื่อนๆลองนำไปลองเขียนได้เลยนะครับ และในบทความหน้าผมมีไรดีๆจะรีบกลับมาเขียนให้เพื่อนๆ อ่านอีกนะครับ ^^
สกรีนเสื้อแบบง่ายๆ
สวัสดีครับบทความนี้ ผมจะสอนวิธีการสกรีนเสื้อแบบง่ายๆให้นะครับ โดยขั้นตอนการทำก็ไม่วุ่นวายอะไรมากเลยนะครับ ไม่ต้องใช้วิธีการถ่ายเฟรม อัดกาวหรือฉายแสงอะไรทั้งนั้นนะครับ วิธีนี้ง่ายมากสามารถทำเสื้อทีม เสื้อแก๊งค์ ใส่เล่นๆกันได้สบายเลยนะครับ งั้นเรามาเริ่มกันเลยนะครับ
อุปกรณ์ก็มีดังนี้นะครับ คือ
1.เฟรมสกรีน (หาซื้อได้ตามร้านเครื่องเขียนทั่วไป หรือไปยืมใครมาก็ได้นะครับ ^^)
2.สติกเกอร์
3.คัตเตอร์
4.กระดาษกาว
5.เทปหนังไก่
6.สีสกรีน (แนะนำให้ใช้สีสกรีนชนิดสีลอยนะครับ)
7.ขาดไม่ได้คือเสื้อ หรือวตถุที่จะนำมาสกรีนนะครับ ^^
ขั้นตอนการทำก็มีดังนี้นะครับ
1.เลือกแบบ พอเลือกแบบได้แล้วก็นำมาแกะสติกเกอร์นะครับ เมื่อตัดเสร็จก็จะแยกได้เป็น 2 ส่วนนะครับคือ 1.ส่วนกรอบ 2.ส่วนลวดลาย แน่นอนครับเราต้องเลือกใช้ส่วนกรอบมาทำอยู่แล้วครับ ส่วนที่เป็นลวดลายก็นำไปติดเล่นๆ กันไป ฮ่าๆ
2.นำสกิตเกอร์ที่เราตัดได้มาติดลงบนเฟรมสกรีนนะครับ ( ต้องติดให้แนบสนิทกันเฟรมนะครับ ถ้าไม่แนบสนิทดีสีอาจเลอะตามขอบๆ ได้นะครับ)
** 1.ถ้าจะให้บล๊อคใช้งานได้นานควรติดสติกเกอร์ด้านหลังเฟรมนะครับ เพราะยางปาดจะได้ไม่สุดขอบลายเวลาเราปาดสกรีนนะครับ
** 2.ถ้าติดด้านหลังเฟรม แล้วลายที่สกรีนเป็นตัวหนังสือให้กลับด้านตัวหนังสือก่อนนะครับ ไม่งั้นพอสกรีนออกมาตัวหนังสือจะอ่านกลับด้านนะครับ ^^
3.ขั้นตอนนี้เราจะเริ่มสกรีนนะครับ ง่ายๆเลยนะครับเมื่อผสมสีเสร็จก็นำมา เทลงบนเฟรมได้เลยนะครับ สำหรับที่ปาดสีก็ไม่ต้องคิดไรมาครับ อาจจะใช้กระดาษลัง หรือใช้ไม่บรรทัดพลาสติกก็ได้นะครับ (เพราะถ้าจะซื้อยางปาดราคาจะแพงนะครับ อันนึงก็หลายร้อย ใช้พวกนี้แทนก็สามารถปาดสกรีนได้เหมือนกันครับ)
4.เมื่อเตรียมบล๊อค เตรียมสี เตรียมเสื้อ ( เสื้อนี้ควรจะเอากระดาษแข็งหรือแผ่นไม้ แผ่นเหล็ก อะไรก็ไรก็นะครับใส่ไว้ข้างในเสื้อ กันสีเลอะไปด้านหลัง และช่วยทำให้เสื้อเป็นทรงด้วยนะครับ ) ก็นำบล๊อคไปวางลงบนเสื้อ หรือวัตถุที่เรานำมาสกรีนนะครับ (ที่สำคัญควรวางบล๊อคลงบนเสื้อให้ตรงตำแหน่งที่เราอยากจะสกรีนนะครับ เพราะสามารถวางได้แค่ครั้งเดียวนะครับ เสียแล้วเสียเลยนะครับ)
5.ทำการปาดสีนะครับ โดยปาดสี 1-2 ครั้ง ไม่ต้องเพิ่มสีนะครับ วิธีการปาดสีตามรูปภาพนะครับ
6.ผลงานเสร็จเรียบร้อยตามภาพ นำไปตากแดดให้แห้ง ที่นี้เราก็จะได้เสื้อสกรีนฝีมือเราทำเองแล้วนะครับ
ลองนำไปทำกันดูนะครับ สนุกๆขำๆ กันไป จะได้เสื้อใส่เท่ห์ๆ เพิ่มอีกซักตัวสองตัวนะครับ ^^
อุปกรณ์ก็มีดังนี้นะครับ คือ
1.เฟรมสกรีน (หาซื้อได้ตามร้านเครื่องเขียนทั่วไป หรือไปยืมใครมาก็ได้นะครับ ^^)
2.สติกเกอร์
3.คัตเตอร์
4.กระดาษกาว
5.เทปหนังไก่
6.สีสกรีน (แนะนำให้ใช้สีสกรีนชนิดสีลอยนะครับ)
7.ขาดไม่ได้คือเสื้อ หรือวตถุที่จะนำมาสกรีนนะครับ ^^
ขั้นตอนการทำก็มีดังนี้นะครับ
1.เลือกแบบ พอเลือกแบบได้แล้วก็นำมาแกะสติกเกอร์นะครับ เมื่อตัดเสร็จก็จะแยกได้เป็น 2 ส่วนนะครับคือ 1.ส่วนกรอบ 2.ส่วนลวดลาย แน่นอนครับเราต้องเลือกใช้ส่วนกรอบมาทำอยู่แล้วครับ ส่วนที่เป็นลวดลายก็นำไปติดเล่นๆ กันไป ฮ่าๆ
2.นำสกิตเกอร์ที่เราตัดได้มาติดลงบนเฟรมสกรีนนะครับ ( ต้องติดให้แนบสนิทกันเฟรมนะครับ ถ้าไม่แนบสนิทดีสีอาจเลอะตามขอบๆ ได้นะครับ)
** 1.ถ้าจะให้บล๊อคใช้งานได้นานควรติดสติกเกอร์ด้านหลังเฟรมนะครับ เพราะยางปาดจะได้ไม่สุดขอบลายเวลาเราปาดสกรีนนะครับ
** 2.ถ้าติดด้านหลังเฟรม แล้วลายที่สกรีนเป็นตัวหนังสือให้กลับด้านตัวหนังสือก่อนนะครับ ไม่งั้นพอสกรีนออกมาตัวหนังสือจะอ่านกลับด้านนะครับ ^^
3.ขั้นตอนนี้เราจะเริ่มสกรีนนะครับ ง่ายๆเลยนะครับเมื่อผสมสีเสร็จก็นำมา เทลงบนเฟรมได้เลยนะครับ สำหรับที่ปาดสีก็ไม่ต้องคิดไรมาครับ อาจจะใช้กระดาษลัง หรือใช้ไม่บรรทัดพลาสติกก็ได้นะครับ (เพราะถ้าจะซื้อยางปาดราคาจะแพงนะครับ อันนึงก็หลายร้อย ใช้พวกนี้แทนก็สามารถปาดสกรีนได้เหมือนกันครับ)
4.เมื่อเตรียมบล๊อค เตรียมสี เตรียมเสื้อ ( เสื้อนี้ควรจะเอากระดาษแข็งหรือแผ่นไม้ แผ่นเหล็ก อะไรก็ไรก็นะครับใส่ไว้ข้างในเสื้อ กันสีเลอะไปด้านหลัง และช่วยทำให้เสื้อเป็นทรงด้วยนะครับ ) ก็นำบล๊อคไปวางลงบนเสื้อ หรือวัตถุที่เรานำมาสกรีนนะครับ (ที่สำคัญควรวางบล๊อคลงบนเสื้อให้ตรงตำแหน่งที่เราอยากจะสกรีนนะครับ เพราะสามารถวางได้แค่ครั้งเดียวนะครับ เสียแล้วเสียเลยนะครับ)
5.ทำการปาดสีนะครับ โดยปาดสี 1-2 ครั้ง ไม่ต้องเพิ่มสีนะครับ วิธีการปาดสีตามรูปภาพนะครับ
6.ผลงานเสร็จเรียบร้อยตามภาพ นำไปตากแดดให้แห้ง ที่นี้เราก็จะได้เสื้อสกรีนฝีมือเราทำเองแล้วนะครับ
ลองนำไปทำกันดูนะครับ สนุกๆขำๆ กันไป จะได้เสื้อใส่เท่ห์ๆ เพิ่มอีกซักตัวสองตัวนะครับ ^^
วันจันทร์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2556
วิธีการเลือกซื้อรองเท้ามือสอง
สวัสดีครับบทความนี้ผมจะมาแนะนำวิธีเลือกซื้อรองเท้ามือสองนะครับ จะเห็นว่าตอนนี้มีการขายรองเท้ามือสองอยู่ตามเว็บไซต์ หรือตลาดจตุจักร
คลองถม วังหลัง ฯลฯ เหตุผลที่หลายคนนิยมซื้อรองเท้ามือสอง เพราะว่าราคาถูก
บางรุ่นบางยี่ห้อหาซื้อไม่ได้ หรือนำเข้าจากต่างประเทศ ซึ่งแน่นอนว่างานสวยกว่า
ทรง สี หายาก บ้านเราไม่มีขาย มือสองบางคู่สภาพดีมาก แต่ราคาก็แพงไม่แพ้ของใหม่
ดังนั้น
ก่อนที่เราจะตัดสินใจจ่ายเงินซื้อก็ต้องมีวิธีเลือกและตรวจเช็คสภาพกันหน่อยนะครับ ว่าสภาพแบบไหนควรซื้อ-ไม่ควรซื้อ วันนี้ผมจึงจะขอแนะนำวิธีการเลือกซื้อรองเท้ามือสองแบบง่ายๆ มาฝากกันนะครับ ^^
- รองเท้ามือสองมียี่ห้อ เช่น NEW BALANCE , VAN , NIKE ฯลฯ
วิธีดูว่าเป็นของแท้หรือของก๊อปแต่ละยี่ห้อนั้นจะมีวิธีการดูไม่เหมือนกันนะครับ ก่อนอื่นง่ายที่สุดคือหาข้อมูลจากอินเตอร์เน็ต
ดูสภาพภายนอก ทรงรองเท้าต้องยังดีอยู่ ไม่ใช่บิดเบี้ยวหรือยับเยินจนใส่ไม่ได้
- ป้าย
โลโก้ รองเท้ามียี่ห้อแท้ไม่แท้ต้องสังเกตป้ายเป็นอันดับแรก
ผลิตจากประเทศไหน ตัวอักษรบนป้ายผิดเพี้ยนหรือไม่
- พื้นรองเท้า ดูว่าใช้พื้นรองเท้าเดิมหรือไม่หรือเปลี่ยนพื้นใหม่
ถ้าซื้อในเน็ตต้องขอดูภาพหลายมุมเลยนะครับเพราะบางทีรองเท้ามือสองดูผิวเผินสภาพภายนอกอาจจะดูดีมาก
แต่พื้นรองเท้าด้านในอาจเปื่อยเละจนดูไม่ได้
คิดค่าซ่อมพื้นใหม่แล้วบางทีซื้อคู่ใหม่ยังถูกกว่า ฮ่าๆๆ
- รองเท้ามือสองที่ผ่านการซ่อมมาแล้ว
เช่น
ติดกาว ย้ำกาวใหม่ ต้องดูคราบกาวด้วยว่ากาวเยิ้มหรือเสื่อมสภาพแล้วหรือไม่
และที่สำคัญเมื่อได้รองเท้ามือสองมาแล้วแน่นอนว่าต้องเอามาทำความสะอาดก่อนใช้
ถ้าเป็นรองเท้าผ้าใบ ก็ควรซักและตากแดดเพื่อลดกลิ่นอับชิ้น
แต่ไม่ควรตากแดดจัดเพราะจะทำให้คราบกาวหลุดลอกได้
ส่วนรองเท้าหนังนั้นแนะนำให้ใช้น้ำยาขัดเพื่อให้หนังเงางาม
และอันนี้สำคัญมากๆๆๆๆเลยนะครับ**การซื้อรองเท้ามือสองผ่านเว็บไซต์เรื่องประวัติของผู้ขายนั้นก็มีความสำคัญมาก
เนื่องจากอาจจะโดนหลอกลวงได้ แนะนำให้ดูจากประวัติการขายโดยการนำข้อมูลเช่น ชื่อ
เบอร์โทร อีเมล ไปเสิร์ชในกูเกิล
แล้วลองโทรสอบถามรายละเอียดสินค้าที่จะซื้ออีกครั้งให้แน่ใจว่าสภาพและราคาเป็นไปตามที่ลงขายไว้จริงไหม
ถ้ารองเท้าแบรนด์แพงๆ ราคาหลักพันไม่ควรโอนเงินไปก่อน ควรนัดเจอกันตามสะดวก
หรือไม่ก็ต้องแน่ใจว่าผู้ขายมีตัวตน และเก็บหลักฐานการโอนเงินไว้ด้วย**
ท่าวิดพื้น
สวัสดีครับมาถึงบทความนี้ผมจะขอเปลี่ยนจากงานเกี่ยวกับการออกแบบมาเป็นการออกกำลังกายกันบ้างนะครับ
กายออกกำลังกายนั้นสามารถทำกันได้ง่ายๆ
บ้างที่ไม่ทำเป็นที่จะต้องเข้าฟิตเนต เลยยังได้นะครับ
วันนี้ผมจะนำเสนอวิธีการวิดพื้น ที่ทุกคนสามารถนำไปทำกันเองที่บ้านยังได้เลยนะครับ
ซึ่งในแต่ละท่านั้นจะได้กล้าเนื้อในแต่ละส่วนที่แตกต่างกันออกไปนะครับ
จากภาพที่ผมได้ลงให้ดูนั้นจะเห็นได้ว่าจะมีการวางมือในการวิดพื้นที่แต่ต่างกันออกไป
และการวางมือแต่ละอย่างก็จะได้กล้ามเนื้อในจุดที่แตกต่างกันออกไปนะครับ
และกล้ามเนื้อที่จะได้ในแต่ละจุดก็ได้แสดงตามสีในรูปภาพแล้วนะครับ
ว่าถ้าวางมือแบบไหนจะได้กล้ามเนื้อส่วนใดบ้างนะครับ ^^
ทีนี้ทุกคนก็จะสามารถมีกล้ามแขนและกล้ามหน้าออกได้แบบง่ายโดยที่ไม่ต้องใช้อุปกรณ์ไรพิเศษเลยนะครับ
ลองกลับบ้านไปทดลองวิดพื้นกันดูได้เลยนะครับ ^^
วันอาทิตย์ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2556
การออกกำลังกาย
สวัสดีครับกลับมาบทความนี้ผมขอนำเสนอเกี่ยวกับเรื่องของสุขภาพข้างนะครับ
โดยจะนำเสนอในเรื่องการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพนะครับ ^^ ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วผมก็เป็นคนที่ชื่นชอบการออกกำลังการอยู่แล้วนะครับ เลยอยากที่จะมานำเสนอหลักกการออกกำลังกายแบบง่ายๆที่ทุกคนสามารถทำกันได้นะครับ ^^
การออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ
การออกกำลังกายเป็นสิ่งสำคัญ และเราควรทำโดยสม่ำเสมอไม่ว่าจะมีอายุเท่าไหร่นะครับ
การออกกำลังกายเป็นสิ่งสำคัญอีกสิ่งหนึ่งในชีวิตที่ต้องทำเพราะจะทำให้เกิดผลดี
ต่อร่างกายเรามากครับ เช่น ทำให้สุขภาพแข็งแรง
สมรรถภาพของหัวใจและปอดดีขึ้น สุขภาพจิตดีขึ้น และสิ่งที่ดีที่สุด คือ
ทำให้อายุยืนยาว โดยมีคุณภาพชีวิตที่ดี ปลอดจากโรคภัยไข้เจ็บ นั้นเองนะครับ
การออกกำลังกายที่มีการวิจัยว่า 'ดี'
มีประโยชน์ต่อหัวใจและปอดมาก จะมี 4
ชนิดคือ
1.แอโรบิก
2.วิ่ง จะเป็นการวิ่งเหยาะๆ ช้าๆ ไปเรื่อยๆ หรือเดินเร็วๆ
(อันนี้แล้วแต่ความชอบหรือความพร้อมของร่างการแต่ละคนเลยนะครับ ^^)
3.ปั่นจักรยาน
หรือปั่นจักรยานของเคื่องออกกำลังกายก็ได้นะครับ
4.ว่ายน้ำ
ที่สำคัญนะครับยังมีความเข้าใจผิดบางอย่างในเรื่องการออกกำลังกาย
เช่น
1. การว่ายน้ำในสระว่ายน้ำ
คลอรีนหรือสารฆ่าเชื้อโรคอาจทำให้ผิวเสีย ผมเสีย ตลอดจนแสงแดดเป็นอันตรายต่อผิวหนัง
ความจริงคือ การว่ายน้ำเพื่อออกกำลังกายเป็นผลดีต่อร่างกาย ผิวพรรณจะดีขึ้น ถ้าเป็นห่วงเรื่องแสงแดด
ให้ใช้โลชั่นทากันแดดที่มี SPF ยังได้เลยนะครับ ฮ่าๆ
และที่สำคัญปัจจุบันมีสระว่ายน้ำจำนวนมากที่อยู่ในร่ม
งั้นก็ไม่ต้องกังวลเรื่องแดด หรือกลัวตัวดำได้เลยนะครับ
2. การวิ่งบ่อยๆ
ทำให้กล้ามเนื้อขา และน่องใหญ่ไม่สวย ความจริง คือ การวิ่งนานๆ
กล้ามเนื้อจะสลายไขมันออกหมด เหลือแต่ตัวกล้ามเนื้อทำให้ได้รูปร่างสวยอีกด้วยนะครับ
^^
เห็นมั้ยครับการออกกำลังกายสำคัญกับเราจริง และยังเป็นประโยชน์ต่อร่างกายเราด้วยนะครับ งั้นเรามาเริ่มออกกำลังกายไปพร้อมกันเลยนะครับ ^^
ขั้นตอนการออกแบบตกแต่งภายใน
สวัสดีในบทความนี้ผมจะนำเสนอขั้นตอนในการรับงานออกแบบภายในนะครับ
บทความนี้เหมาะสำหรับใครที่ต้องการรับงานพิเศษในงานออกแบบภายในนะครับ
สำหรับขั้นตอนการทำงานหลักๆแล้วจะมีขั้นตอนดังต่อไปนี้นะครับ ^^
ขั้นตอนการออกแบบตกแต่งภายใน
1.ขั้นดูไซด์งาน วัดที่หน้างานหรือรับแบบแปลนจากลูกค้า โดยจะทำความเข้าใจและ ความต้องการต่างๆ ของลูกค้านะครับ มีการพูดคุยซักถามถึงรายละเอียดปลีกย่อยต่าง ๆเพื่อใช้ประกอบการออกแบบ โดยผู้ออกแบบจะประเมินความเป็นไปได้และนำเสนอแนวทางให้ลูกค้าทราบโดยคร่าวๆก่อนนะครับ
1.ขั้นดูไซด์งาน วัดที่หน้างานหรือรับแบบแปลนจากลูกค้า โดยจะทำความเข้าใจและ ความต้องการต่างๆ ของลูกค้านะครับ มีการพูดคุยซักถามถึงรายละเอียดปลีกย่อยต่าง ๆเพื่อใช้ประกอบการออกแบบ โดยผู้ออกแบบจะประเมินความเป็นไปได้และนำเสนอแนวทางให้ลูกค้าทราบโดยคร่าวๆก่อนนะครับ
2.ขั้นออกแบบการจัดวางแนวคิดการออกแบบ (Furniture
layout plan& ideas) ในขั้นตอนนี้ผนักออกแบบจะจัดพื้นที่ตามหลักความเหมาะสมและประโยชน์ใช้สอยรวมถึงความสวยงามเพื่อนำเสนอให้กับลูกค้า
ซึ่งทางลูกค้าสามารถขอเปลี่ยนแปลงแบบการจัดวางได้ตามความต้องการซึ่งผู้ออกแบบจะพิจารณาถึงความเป็นไปได้ของการจัดวางพร้อมให้คำปรึกษา
และแก้ไขแบบจนลูกค้าพอใจ เพื่อให้ลุกค้าอนุมัติและจะสามารถดำเนินการออกแบบขั้นต่อไปได้นะครับ
3.ขั้นออกแบบภาพ 3 มิติ เมื่อได้รับอนุมัติ การจัดวางพื้นที่ใช้สอยแล้ว นักออกแบบจะทำการออกแบบภาพ 3 มิติ (Interior 3DRendering) นำเสนอแก่ลูกค้า โดยลูกค้าจะสามารถเห็นภาพบ้านหรือห้องพัก (แล้วจะงานที่รับนะครับ ฮ่าๆ) ในรูปแบบที่สมจริงทั้งแสง-สีวัสดุและมุมมองและรวมถึงการกำหนดวัสดุตามเพื่อให้งานตกแต่งได้ออกมาตามแบบ
4.ขั้นออกแบบก่อสร้าง Shop Drawing เมื่อทางลูกค้าอนุมัติแบบ
3 มิติแล้ว ผู้ออกแบบจะออกแบบงาน 2 มิติซึ่งเป็นแบบที่ระเอียดมีการระบุขนาดของาน
ลักษณะการตัดต่อการติดตั้งชิ้นงาน
รวมถึงกำหนดวัสดุมาตรฐานเพื่อให้งานก่อสร้างตกแต่งออกมาอย่างมีคุณภาพ
5. ขั้นการถอดแบบปริมาณวัสดุ ในขั้นตอนนี้เพื่อให้ลูกค้าทราบถึงรายละเอียดปลีกย่อยของงานตกแต่งทั้งหมด และนำเสนอราคาค่าก่อสร้างจริงที่ถูกต้อง เพื่อประกอบการตัดสินใจว่าจ้างผู้รับเหมางานตกแต่งภายใน ในขั้นนี้ถือว่าสิ้นสุดการออกแบบตกแต่งภายในนะครับ
และนี้คือ 5 ข้อหลักๆสำหรับใครที่อยากจะลองรับงานออกแบบตกแต่งภายในนะครับ
คุณสามารถนำหลักการเหล่านี้ไปใช้งานได้เลยนะครับ
ผมหวังว่าคงเป็นประโยชน์สำหรับคนที่คิดที่จะรับงานออกแบบ และเป็นความรู้ให้ให้กับคนอ่านอื่นๆนะครับ
ขอบคุณมากครับ ^^
ประโยชน์ของสีบนบรรจุภัณฑ์
บทความนี้ผมจะนำเสนอในเรื่องประโยชน์ของสี
ทุกท่านจะได้รู้ว่าประโยชน์ของสีบนบรรจุภัณฑ์มีอะไรบ้าง
เมื่อเรานำมาใช้ในงานของเรานะครับ
ประโยชน์ของสีบรรจุภัณฑ์
1.เรียกร้องความสนใจเมื่อพบเห็น
2.จำได้เมื่อเห็นอีกครั้ง
(มองหาได้ง่าย)
3.ให้ผลทางด้านการมองเห็น
4.บ่งบอกถึงสิ่งที่บรรจุ
5.กระตุ้นให้เกิดความรู้สึกทางบวกต่อสินค้า
6.สนองความรู้สึกในการบริโภคสินค้า
7.ช่วยให้เกิดการยอมรับและความพอใจ
8.ช่วยแยกความแตกต่างในผลิตภัณฑ์
9.โน้มน้าวและให้ความมั่นใจแก่ผู้ซื้อ
สำหรับสีที่เป็นที่นิยมในการใช้เป็นสีบนบรรจุภัณฑ์มากที่สุดคือ
สีขาว เนื่องจากให้ความรู้สึกสะอาด ปลอดภัย บริสุทธิ์ ดังนั้นการเลือกใช้สีบนบรรจุภัณฑ์
จึงมีความสำคัญต่อการเลือกซื้อของผู้บริโภคนะครับ ^^
จะพอสรุปได้ว่า
ในขั้นตอนของการออกแบบบรรจุภัณฑ์นั้น นักออกแบบต้อง
ใช้ความรู้และข้อมูลจากหลาย ๆ ด้านมาประกอบกัน จึงจะทำให้ผลงานออกแบบโครงสร้างหรือออกแบบกราฟิคบนบรรจุภัณฑ์ออกมาดีนั้น
จะต้องเริ่มตั้งแต่การสร้างแบบ
ด้วยใช้การร่างแบบตามแนวความคิดของรูปร่างบรรจุภัณฑ์และสร้างภาพประกอบรายละเอียดด้วยการเขียนแบบ
แสดงรายละเอียดมาตราส่วนที่แน่นอนเพื่อแสดงให้ผู้ผลิตผู้เกี่ยวข้องเข้าใจอ่านแบบได้
การใช้ทักษะทางศิลปะในการออกแบบคือเครื่องมือที่ผู้ออกแบบ
จะต้องกระทำขึ้นมาเพื่อเป็นการนำเสนอต่อเจ้าของงานหรือผู้ว่าจ้าง
หรือผู้เกี่ยวข้องให้ช่วย พิจารณาปรับปรุง
เพื่อให้ได้ผลงานที่สำเร็จออกมามีประสิทธิภาพในการใช้งานได้จริงและตรงตามเป้าหมายที่เราได้ตั้งไว้นั้นเองนะครับ
^^
ผมต้องขอบคุณทุกคนมากนะครับที่ได้ติดตามอ่านบทความเรื่องงานออกแบบบรรจุภัณฑ์
ของผมในครั้งนี้ หวังว่าคงได้รับประโยชน์และสามารถนำไปใช้งานได้นะครับ
และครั้งหน้าผมจะกลับมาเขียนบทความดีๆ ให้ทุกคนอ่านกันอีกนะครับ ^^
วันพฤหัสบดีที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2556
การเลือกใช้สีบนบรรจุภัณฑ์
สวัสดีดีครับกลับมาอีกครั้ง และในบทความนี้ผมจะแนะนำข้อคำนึงในการเลือกใช้สีบนบรรจุภัณฑ์นะครับ เพราะอย่างที่ผมได้เคยเขียนบอกไว้ว่าสีบนบรรจุภัณฑ์มีส่วนสำคัญมากต่อการตัดสินใจของลูกค้า และยังสามารถช่วยดึงดูความสนใจลูกค้าด้วยนะครับ ^^
งั้นเราลองมาเริ่มกันเลยนะครับว่าข้อควรคำนึงมีอะไรบ้างนะครับ
ข้อควรคำนึงในการเลือกใช้สีบนบรรจุภัณฑ์
1.สีบรรจุภัณฑ์ที่เลือกใช้ควรกระตุ้นประสาททั้ง
5 เพื่อทำให้เกิดความอยากซื้อสินค้า
2.สีที่ใช้ควรเป็นสีที่จำง่าย
สามารถทำให้นึกถึงยี่ห้อหรือผลิตภัณฑ์นั้นๆ ได้ทันที ใช้สีจดจำได้ง่ายดีกว่าใช้สีแปลกๆ
ไม่คุ้นตานะครับ และที่สำคัญลดต้นทุนการผลิตด้วยนะครับ
3.ถ้าการขายเป็นลักษณะแบบช่วยตนเอง
สีแท้เป็นสีที่ควรเลือกใช้ สำหรับการขายแบบตัวต่อตัว
ก็ควรเลือกสีที่แตกต่างกันไป สีสว่างหรือสีที่คล้ายๆ กันมักให้ความรู้สึกที่ดี
สีนุ่มๆ เหมาะกับสินค้าราคาค่อนข้างสูง
4.สีที่ใช้บนบรรจุภัณฑ์ควรเป็นสีที่เหมาะกับผู้บริโภคในทุกๆ
สถานการณ์ที่ผู้บริโภคนำมาใช้งาน
5.การเลือกใช้สีควรเลือกตามลักษณะของลูกค้า
เพศ สังคม เศรษฐกิจ สภาพภูมิประเทศ
ที่ตั้งลักษณะตลาด
6.แสงที่ใช้ในร้านค้า ซุปเปอร์มาร์เก็ต
ก็ต้องนำมาพิจารณาด้วย เพราะแสงไฟที่แตกต่างกันก็สามารถเปลี่ยนความรู้สึกต่อสีได้นะครับ
7.การเลือกใช้สีประกอบบนบรรจุภัณฑ์ 2 – 3 สีที่เราคุ้นเคย
ได้ผลดีกว่าใช้สีที่แปลกตาครับผม
8.สีที่เลือกใช้บนบรรจุภัณฑ์ควรใช้สีเพื่อทำการเน้นส่วนที่ต้องการจะเน้นให้เด่นชัด นอกจากนั้นใช้สีที่สามารถดึงดูดได้รองๆ
ลงมาตามลำดับความสำคัญ
9.สีที่เลือกควรเข้ากันได้กับวัสดุที่เลือกใช้ด้วย
10.สีของผลิตภัณฑ์และสีของบรรจุภัณฑ์ควรเข้ากันได้ดี
ไม่งั้นแล้วจะเกิดความขัดแย้งเกิดขึ้น
เมื่อเปิดสินค้าออกจากบรรจุภัณฑ์
11.สีที่เลือกใช้จะต้องดูดีเมื่อพิมพ์ขาว – ดำ
หรือออกทีวีขาว- ดำ หรือลงนิตยสารอื่นๆด้วย
12.ข้อจำกัดด้านราคามีผลในการกำหนดขอบเขตของสีด้วย
13.การใช้สีที่ไม่ถูกต้องทำให้ดูน่าเบื่อและกลายเป็นสิ่งส่งเสริมคู่แข่งได้
และทั้งหมดนี้คือข้อคำนึงถึงการเลือกใช้สีบนบรรจุภัณฑ์นะครับ ทุกคนสามารถนำไปใช้ในการออกแบบได้นะครับ และครั้งหน้าผมจะกลับมาบอกประโยชน์ของสีนะครับ ว่าสีมีประโยชน์ต่อการตัดสินใจของลูกค้าอย่างไรนะครับ ^^
สีบนบรรจุภัณฑ์
สีบนบรรจุภัณฑ์
การออกแบบบรรจุภัณฑ์
สีนับว่าเป็นองค์ประกอบที่สำคัญอย่างหนึ่ง เพราะสีเป็นสิ่งที่มีผลต่อประสาทสัมผัส
เป็นเครื่องดูดความสนใจทำให้เกิดความรู้สึกอยากจับต้องอยากสัมผัส โดดเด่น ดังนั้นการที่เราจะเลือกใช้สีให้เค้ากับชนิดสินค้า และเพื่อให้ตรงตามเป้าหมาย การเลือกใช้สีจึงจำเป็นและสำคัญมากๆเลยนะครับ
และในบทความนี้ผมจึงได้นำเอาความหมายความรู้สึก อารมย์ของสีแต่ละสีมาบอกทุกคนนะครับ เพราะว่าสีแต่ละสีให้ความรู้สึกที่แตกต่างกันออกไปนะครับ ^^
**งั้นเมื่อพร้อมกันแล้วเรามาเริ่มกันเลยนะครับ**
ความหมายของสี
1.เมื่อต้องการความสงบและการพักผ่อนจะใช้ สีฟ้าและสีขาว
2.เมื่อต้องการความสำคัญจะได้แก่ สีม่วง
แดงองุ่น และขาว เหลืองทองคำ และดำ
3.เมื่อต้องการความรื่นรมย์ให้ใช้ สีฟ้าอ่อน
ฟ้ากับขาว หรือขาวกับแดง
4.สีน้ำตาล
ให้ความรู้สึกขึงขังและมีประโยชน์ ใส่ความรู้สึกของความสมบูรณ์ของชีวิต
และงานประจำ
5.สีส้ม ให้ความรู้สึกถึงรัศมี
และแสดงออกยิ่งกว่าสีแดง เป็นสีความเคลื่อนไหว ให้ความรู้
สึกอบอุ่นปลอดภัย เช่น
ไฟที่กำลังไหม้อยู่ในเตาผิง
6.สีฟ้าหรือสีน้ำเงิน
เป็นสีสรรที่ลึกซึ้งและเป็นผู้หญิง ให้ความรู้สึกพักผ่อน รู้สึกเป็นผู้ใหญ่
แต่ก็ยังให้ความทรงจำวัยเด็ก เป็นสีที่ให้ชีวิตแต่ไม่เท่าสีแดง
ขณะที่เป็นสีที่เงียบแต่ไม่เท่าสีเขียวสีอ่อนจะดึงดูดน้อยกว่าสีเข้ม
การมองให้ความรู้สึกสดชื่นสะอาด โดยเฉพาะเมื่อรวมกับ สีขาว
7.สีน้ำทะเล ให้พลังงานดังเช่นไฟ
แต่เป็นไฟเย็นที่มีความสดชื่นดังน้ำทะเลในทะเลสาป
8.สีเหลือง เป็นสีที่มีรัศมีที่สุด
เป็นสีสว่าง และมีเสียงดัง เป็นความอ่อนวัยในทางตรงข้ามกับสีฟ้า
สีเหลืองทองให้ความรู้สึกมีชีวิตชีวา
ขณะที่สีเหลืองแกมเขียวให้ความรู้สึกของความไม่สบาย เมื่อผสมกับสีแดงจะทำให้สบายตา
ให้ความอบอุ่น ความพอใจ ดังเช่นสีทองของทุ่งนา
9.สีม่วง ให้ความมืดและอึดอัด
มักจะเป็นสัญลักษณ์ของความหมดหวังและความตาย มีคุณลักษณ์ของความสิ้นหวังหมดโอกาส
ความเงียบที่ไม่มีอนาคต ให้มีความรู้สึกเป็นกลุ่มก้อนที่แข็งแรง
ให้ความรู้สึกของความสง่างามโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีผิวมัน
10.สีขาว เป็นการแสดงออกถึงความบริสุทธิ์
โดยลักษณะสีสรรของสีขาวก่อให้เกิดความรู้สึกของความอ้างว้างไม่มีจุดจบ
แต่ก็ให้ความรู้สึกสดชื่น และความรู้สึกของความสะอาดเมื่อใช้กับสีน้ำเงิน
11.สีเทา
ไม่มีคุณลักษณะเฉพาะตัวเหมือนสีขาว หรือให้ความรู้สึกในทางเข้มแข็งเหมือนสีดำ
แต่แสดงออกซึ่งความเป็นกลาง เป็นลักษณะของการไม่ตัดสินใจ ไม่มีพลังงาน
สีเทาอ่อนให้ความรู้สึกกลัว
12.สีเขียว แสดงถึงความมีชีวิตชีวา
มีลักษณะเข้มแข็ง และปราดเปรียว ให้ความรู้สึกสง่างาม และมีเสน่ห์
13.สีแดง เป็นสีร้อน
สีแดงจะสะดุดตาเมื่อแรกเห็น เราจะต้องมองไม่ว่าเราจะต้องการมองหรือไม่
แต่ละโทนของสีแดงยังมีคุณสมบัติเฉพาะตัว เช่น แดง ให้ความรู้สึกมั่งคั่ง มีอำนาจ
และสง่างาม สีแดงปานกลางให้ความรู้สึกถึงพลังงาน การเคลื่อนไหว และความต้องการ
เราสามารถเลือกโทนของสีแดงมาใช้โดยที่ให้ความรู้สึกเบิกบานมีชีวิตชีวา
14.สีชมพู ให้ความรู้สึกอ่อนหวาน เอียงอาย
โรแมนติก แต่ขาดความมีชีวิตชีวา เป็นลักษณะของผู้หญิงและความรัก
ให้ความรู้สึกของความอ่อนโยนและมีเสน่ห์
และทั้งหมดนี้คือความหมาย ความรู้สึก อารมย์ของแต่ละสีนะครับ ใครที่คิดจะทำการออกแบบสามารถเลือกนำไปใช้ได้เลยนะครับ ^^
วันพุธที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2556
การออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่ดี
วันนี้จะกลับมานำเสนอบทความเกี่ยวกับความสำครับของการออกแบบบรรจุภัณฑ์อาหารนะครับ ซึ่งเราจะเป็นกันเป็นจำนวนมากตามท้องตลาดทั่วไป ซึ่งมีหลากหลายชนิดมาก
บทความนี้จึงอยากที่จะนำเสนอแนวความคิดในการออกแบบบรรจุภัณฑ์อาหารนะครับ ว่าควรคำนึงถึงสิ่งใดบ้างในการออกแบบนะครับ ^^
การออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่ดี
การออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่ดีนั้น ออกแบบให้มีความสวยงามและความแปลกตา เท่านี้คงไม่เพียงพอสำหรับบรรจุภัณฑ์ผลิตภัณฑ์ เพราะหัวใจของบรรจุภัณฑ์ คือ สำหรับถ้าเป็นบรรจุภัณฑ์ประเภทอาหาร การเก็บรักษาคุณภาพของผลิตภัณฑ์ให้คงอยู่ยืนยาว นั้นเป็นสิ่งสำครับมาก ดังนั้น การออกแบบที่ดีควรคำนึงถึงหน้าที่ของบรรจุภัณฑ์เป็นสำคัญ และมี 5 ข้อที่สำคัญดังนี้นะครับ ^^
1. ป้องกันผลิตภัณฑ์ บรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสมในการบรรจุอาหารจะต้องสามารถป้องกันไม่ให้อาหารสัมผัสกับบรรยากาศภายนอก ซึ่งอาจจะเกิดการรั่ว การซึม แสง ความร้อนเย็น
2. เก็บรักษาคุณภาพของผลิตภัณฑ์ บรรจุภัณฑ์ที่ต้องสามารถรักษาคุณภาพของผลิตภัณฑ์มิให้เปลี่ยนแปลงไป ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นหรือรสชาติ
3. ยืดอายุผลิตภัณฑ์ จะต้องสามารถนำเทคโนโลยีที่สลับซับซ้อนมาช่วยในการออกแบบ เพื่อให้บรรจุภัณฑ์ สามารถยืดอายุการเก็บรักษาผลิตภัณฑ์ให้มีอายุยืนยาว
4. ความสะดวกในการใช้งาน
5. ความประหยัดในการขนส่ง
วันอังคารที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2556
ขั้นตอนการออกแบบบรรจุภัณฑ์
สวัสดีครับกลับมาครั้งนี้ ผมกลับมานำเสนอบทความเกี่บวกับการออกแบบบรรจุภัณฑ์ต่อจากบทความที่แล้วนะครับ ^^ และในบทความจะแนะนำวิธีขั้นตอนในการที่จะทำการคิดออกแบบนะครับว่าควรจะมีวิธีคิดอย่างไร เพื่อให้ตรงจุดตรงกลุ่มเป้าหมายนะครับ ซึ่งจะมีขั้นตอนการคิดแบบนี้นะครับ
ขั้นตอนการออกแบบบรรจุภัณฑ์
1. กำหนดกลุ่มเป้าหมาย ถือเป็นเรื่องสำคัญของการออกแบบบรรจุภัณฑ์เพราะกลุ่มเป้าหมายสามารถส่งผลกระทบต่อผลิตภัณฑ์ได้โดยตรง เพื่อที่จะได้สามารถออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้ตรงต่อความต้องการของกลุ่มเป้าหมายให้มากที่สุด ตัวอย่าง กลุ่มเป้าหมาย
เช่น วัยรุ่น วัยทำงาน แม่บ้าน เด็ก ฯลฯ เป็นต้น
2. กำหนดชื่อตราสินค้า(Brand) ตราสินค้าใช้เป็นชื่อหรือเครื่องหมายสำหรับการเรียกขานผลิตภัณฑ์ ดังนั้นจึงต้องทำการกำหนดชื่อตราสินค้าให้เรียบร้อยก่อนการออกแบบบรรจุภัณฑ์
โดยกำหนดให้ชื่อตราสินค้ามีความเป็นเอกลักษณ์ ชัดเจน น่าสนใจ
ที่สำคัญจะต้องเป็นที่จดจำได้ง่ายแก่ผู้บริโภคตราสินค้าที่ดีนั้นสามารถยกตัวอย่าง
ลักษณะที่ดีของตราสินค้า
1.สั้น กะทัดรัด จดจำได้ง่าย
ออกเสียงได้ง่ายมีความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว
2.แปลเป็นภาษาต่างประเทศได้ง่ายมีความหมายที่เหมาะสม
3.สามารถบอกถึงคุณสมบัติที่สำคัญของผลิตภัณฑ์
4.สอดคล้องกับค่านิยมและวัฒนาธรรมของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายสามารถนำไปจดทะเบียนการค้าได้ต้องไม่ซ้ำกับของเดิมที่มีอยู่
3. วัสดุที่ใช้ทำบรรจุภัณฑ์ วัสดุมีความจำเป็นอย่างยิ่งต่อการออกแบบบรรจุภัณฑ์ และที่สำคัญควรคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้บริโภค
ความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม และคุณสมบัติของวัสดุแต่ละประเภท
ที่จะนำมาผลิตบรรจุภัณฑ์เป็นสำคัญ เนื่องวัสดุแต่ละชนิดแต่ละชนิดจะมีคุณสมบัติที่เป็นข้อดีและข้อเสีย ในการคุ้มครองผลิตภัณฑ์ให้คงคุณภาพ
การยืดอายุผลิตภัณฑ์ และการนำกลับมาใช้ใหม่(Recycle)
4. รูปทรง บรรจุภัณฑ์ ที่มีรูปร่างสวยงาม สามารถสร้างความประทับใจให้กับผู้บริโภค
ถึงแม้ผู้ซื้อจะยังไม่ได้สัมผัสกับตัวผลิตภัณฑ์ที่อยู่ภายในเลยนะครับ ^^
5. สีสันและกราฟฟิค สีสันและกราฟฟิคนี้คือการรวมของการใช้สัญลักษณ์ ตัวอักษร ภาพประกอบ
ลวดลายและพื้นผิว ซึ่งส่วนประกอบทั้งหมดสามารถบ่งบอกถึงชื่อตราสินค้า
ลักษณะผลิตภัณฑ์ ที่บรรจุอยู่ภายในได้และสามารถแสดงถึงแหล่งที่มาของผลิตภัณฑ์ได้ด้วย
และทั้งหมดนี้คือหลักและหัวใจที่สำคัญของการออกแบบบรรจุภัณฑ์นะครับ และในครั้งหน้าผมจะกลับมาแนะนำในส่วนอื่นๆ ที่จำเป็นอีกนะครับ ^^
วันจันทร์ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2556
หลักการออกแบบโครงสร้างและกราฟิคบรรจุภัณฑ์
กลับมาอีกครั้งนะครับ ตามที่ได้สัญญาไว้ในบทความที่แล้ว บทความนี้ผมจะมาอธิบายในส่วนของเรื่อง " หลักการออกแบบโครงสร้างบรรจุภัณฑ์ และออกแบบกราฟิค " นะครับ
มาเริ่มกันที่หลักการออกแบบโครงสร้างบรรจุภัณฑ์ นะครับ โดยหลักๆแล้ว จะมี 4 ข้อ ที่เป็นหลักสำคัญในการคิดออกแบบโครงสร้างนะครับ และ 4 ข้อหลักๆนั้นจะประกอบไปด้วยคือ
และต่อมาคือการออกแบบกราฟฟิคบนบรรจุภัณฑ์นะครับ
มาเริ่มกันที่หลักการออกแบบโครงสร้างบรรจุภัณฑ์ นะครับ โดยหลักๆแล้ว จะมี 4 ข้อ ที่เป็นหลักสำคัญในการคิดออกแบบโครงสร้างนะครับ และ 4 ข้อหลักๆนั้นจะประกอบไปด้วยคือ
1.เลือกชนิดของวัสดุมีความเหมาะสม สามารถป้องกันสินค้าได้ตลอดอายุการวางขาย
2.ออกแบบรูปร่างกลมกลืนสอดคล้องกับตัวสินค้า
3.มีขนาดที่พอดีและสามารถรับน้ำหนักสินค้าได้ดี
4.การขึ้นรูป
การบรรจุ เปิด-ปิดสะดวก ไม่ยุ่งยาก
**และนี้คือตัวอย่างการออกแบบโครงสร้างนะครับ สิ่งที่สำคัญที่สุดควรคิดถึงสินค้าเป็นหลักนะครับ เมื่อเรารู้เป้าหมายว่าเราจะออกแบบเพื่อที่จะใช้สำหรับบรรจุสินค้าอะไร เท่านี้เราก็จะสามารถเลือกวัสดุและจะรู้ว่าควรออกแบบยังไงให้เหมาะสมนะครับ**
การออกแบบกราฟฟิคบนบรรจุภัณฑ์
การออกแบบกราฟฟิคนั้นส่วนมาจะเน้นเรื่องของการจัดวางรูปประกอบตัวอักษร
ลวดลาย ถ้อยคำ เครื่องหมายหรือตราสัญลักษณ์ทางการค้า โดยใช้หลักวิชาการทางศิลปะ คือการจัดภาพองค์ประกอบศิลป์เพื่อให้ผลงานมีความประสานกลมกลืนกันอย่างสวยงามนะครับ เช่นตัวอย่างภาพข้างล่างนี้นะครับ ^^
**และซึ่งส่วนมากจะมีการใส่ข้อมูลที่เกี่ยวข้องลงบนบรรจุภัณฑ์ด้วยนะครับ ซึ่งของมูลที่เกี่ยวข้องก็จะประกอบไปด้วย**
ข้อมูลประกอบการออกแบบบรรจุภัณฑ์
1.ข้อมูลด้านการตลาด
ได้แก่ สถานที่จัดจำหน่าย ฤดูกาล
2.รูปแบบการกระจายสินค้า
(ปลีก/ส่ง) พฤติกรรมผู้บริโภค
3.ปริมาณและมูลค่าของสินค้าในตลาด
4.ข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์
ได้แก่ ประวัติความเป็นมา ส่วนผสม อะไรประมาณนั้นนะครับ
5.คำอธิบาย
จุดเด่น ประโยชน์ ขนาดปริมาณบรรจุ ความถี่/ปริมาณการใช้ที่ใช้ต่อครั้ง
ราคาและต้นทุน ข้อควรระวัง
ทั้งหมดนี้คือหลักการออกแบบโครงสร้างบรรจุภัณฑ์ และการออกแบบกราฟิคบนบรรจุภัณฑ์นะครับ และในบทความครั้งหน้าผมจะกลับมาแนะนำในส่วนของ " ขั้นตอนการออกแบบบรรจุภัณฑ์ " นะครับ ^^
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)