สวัสดีครับวันนี้จะมาเล่าเรื่องราวว่าทำไม พระพิฆเนศ พระองค์ท่านจึงมีเศียรเป็นช้างนะครับ ผมคิดว่าหลายๆคนคงยังไม่รู้เรืาองราวเลยนำมาเขียนเป็นบทความให้อ่านกันนะครับ ^^
เหตุที่พระพิฆเนศวรมีเศียรเป็นช้าง
(วันโลกาวินาศและการไม่นอนหันศีรษะไปยังทิศตะวันตก) สืบเนื่องมาจากในสมัยก่อนนานมากแล้ว
มีนางเทพอัปสรนางหนึ่ง เป็นข้ารับใช้ของพระสรัสวดี (ชายาของพระพรหม)
แต่เนื่องจากนางเป็นนางเทพอัปสรที่มีจิตใจไม่คค่อยดีนะครับไม่เคยที่จะปฏิบัติธรรมคติแห่งจารีต
จึงเป็นที่เกลียดชังในหมู่นางเทพอัปสรด้วยกันเอง
ครั้งต่อมานางลงมาจุติถือกำเนิดเป็นจ้าวแห่งช้างน้ำ
มีนามว่า "อสุรภังคี" มีอำนาจกล้าแข็งเที่ยวเบียดเบียนตรีโลกจนให้ได้รับความเดือดร้อนไปทั่ว
ความทราบถึงพระอิศวรเจ้า พระอิศวรจึงมีดำริจะให้พระขันฑกุมารไปปราบเพื่อความสงบสุขของตรีโลก
แต่ให้เข้าพิธีโสกันต์เสียก่อน
ณ
เขาไกรลาสในเมื่อวันมงคลฤกษ์โสกันต์มาถึง พวกเทพยดา ก็ต่างมากันพร้อมหน้าพร้อมตา ณ เขาไกรลาส แต่บังเอิญว่าในวันนั้น
พระนารายณ์ซึ่งจะต้องมาทำพิธีตัดพระเกสาให้เป็นมงคลแก่องค์พระขันฑกุมารเผลอบรรทมหลับสนิท
พระชายาของพระองค์ (พระนางลักษมี) ก็ไม่สามารถที่จะปลุกบรรทมได้ พระอิศวร, พระพรหม และเหล่าเทพยดาทั้งหลายก็รอพระนารายณ์อยู่นาน จวนจะถึงฤกษ์อยู่แล้ว
พระอิศวรจึงให้สมเด็จอมรินทราธิราชนำ มหาสังข์พิชัยยุทธไปเป่าปลุก บรรทมพระนารายณ์ จนในที่สุดพระนารายณ์ตื่น สมเด็จอมรินทราธิราช (พระอินทร์)
จึงทูลว่าพระอิศวรให้มาเชิญไปทำพิธีโสกันต์พระขันฑกุมาร
แต่เนื่องจากขณะนั้นเองพระนารายณ์ยังอยู่ในอาการครึ่งหลับครึ่งตื่น
พระองค์จึงเผลอพลั้งพูดกล่าววาจาสิทธิ์ออกไปว่า "ลูกหัวหาย
จะนอนหลับให้สบายก็ไม่ได้" และด้วยวาจาสิทธิ์ขอพระองค์
เศียรของพระขันฑกุมารจึงอันตรธานหายไป
ครั้งพระนารายณ์และสมเด็จอมรินทราธิราชเดินทางมาถึงสถานที่กระทำพิธีโสกันต์แล้วไม่พบเศียรของพระกุมาร
พระนารายณ์ถึงกับพูดว่า "นี่มันวันโลกาวินาศหรืออย่างไร"
(วันที่เศียรของพระขันฑกุมารอันตรธานหายไปจึงถูกเรียกว่าวันโลกาวินาศตั้งนั้นเป็นต้นมานะครับ)
บรรดาเทพทั้งหลายต่างอยู่ในอาการตกอกตกใจในเหตุที่เกิดขึ้น
แต่ว่าพระวิษณุกรรมตั้งสติคืนกลับมาเร็วกว่าเทพองค์อื่น
พระองค์ทะยานลงไปยังพื้นพิภพเพื่อตามหาเศียรของพระขันฑกุมารที่ขาดหายไป
แต่ว่าในวันนั้นพระองค์ไม่สามารถหาเศียรของพระขันฑกุมารได้เลยโดยหากพระองค์ไม่สามารถนำเศียรหรือศีรษะของสัตว์ชนิดใดนำมาต่อเข้ากับร่างของพระขันฑกุมารภายในชั่วเวลานี้จะทำให้พระอิศวรไม่สามารถชุบชีวิตพระโอรสได้อีกเลย
พระวิษณุกรรมจึงใช้ญาณทิพย์มองดูมนุษย์ที่ถึงฆาตหรือนอนหันศีรษะไปทางทิศตะวันตกเลย
(ชาวพุทธส่วนใหญ่เชื่อกันว่าหากนอนหันศีรษะไปทางทิศตะวันตกจะถูกทวยเทพตัดศีรษะเอา)
พระองค์พบเพียงพญาช้างตนหนึ่งนอนหันหัวไปในทิศดังกล่าว
พระวิษณุกรรมจึงตัดมาต่อให้กับองค์พระขันฑกุมาร แล้วพระเป็นเจ้าทั้งสาม (พระอิศวร, พระพรหม, พระนารายณ์)
จึงเปลี่ยนนามให้ใหม่ว่า "พระคเณศ" หรือ "พระพิฆเนศ" ด้วยเหตุทั้งหมดนี้นะครับ พระพิฆเนศวรจึงมีพระเศียรเป็นช้างดังเช่นที่เห็นกันในปัจจุบันนั้นเองครับ ^^
artdesign
วันพฤหัสบดีที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2556
วันพุธที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2556
กำเนิดพระพิฆเนศ
สวัสดีครับและในบทความนี้ผมจะขอนำเสนอ เกี่ยวกับเรื่ององค์พระพิฆเนศ ต่อนะครับ และในบทความนี้ผมจะสำเสนอ " เรื่องการกำเนิดองค์พระพิฆเนศ " ให้ทุกคนทราบนะครับ คิดว่าคงมีหลายๆคนที่ยังไม่ทราบนะครับ ^^
กำเนิดองค์พระพิฆเนศ
มีตำนานเล่ากันว่าในสมัยก่อนพวกอสูรมักนิยมบำเพ็ญเพียรภาวนาเพื่อสังเวยบูชาพระเป็นเจ้า โดยหากครั้งใดสามารถบำเพ็ญเพียรภาวนาสังเวยบูชาพระเป็นเจ้าได้สำเร็จแล้ว พระเป็นเจ้า ไม่องค์ใดองค์หนึ่งเกิดใจอ่อนประทานพรให้ พวกอสูรมักจะก่อความเดือดร้อนวุ่นวายจนโกลาหนไปทั่ว เดือดร้อนถึงพระนารายณ์ต้องอวตารลงไปปราบอยู่บ่อยๆ (นารายณ์สิบปาง)
เมื่อเป็นเช่นนี้ทวยเทพทั้งหลายจึงวางแผนเข้าเฝ้าพระอิศวร ขอให้พระองค์สร้างเทพบุตรขึ้นมาเพื่อเป็นเทพเจ้าแห่งการขจัดอุปสรรคทั้งปวงแก่บรรดาทวยเทพ และเป็นเทพเจ้าแห่งอุปสรรคสำหรับเหล่าอสูร เพื่อเหล่าอสูรจะได้ไม่สามารถบำเพ็ญเพียรภาวนาสังเวยบูชาพระเป็นเจ้าได้สำเร็จ
พระอิศวรจึงสร้างพระพิฆเนศวรขึ้นมาสมความตั้งใจของทวยเทพทั้งหลาย พระอิศวรเห็นด้วยกับทวยเทพ จึงให้โอรสกำเนิดขึ้นมามีลักษณะและอิทธิฤทธิ์ตามที่เหล่าทวยเทพต้องการ พระองค์ประทานนามโอรสว่า " พระวิฆเนศวรหรือพระพิฆเนศ " แต่ส่วนใหญ่รู้จักกันในนาม " พระคเณศ " พระอิศวรได้แนะนำสั่งสอนให้พระโอรสคอยขัดขวางปราบปรามพวกอสูรและให้คอยช่วยเหลือเหล่าทวยเทพ ชนทั้งหลายจึงเคารพบูชากราบไหว้พระคเณศสืบต่อกันมาจนถึงทุกวันนี้นะครับ ^^
กำเนิดองค์พระพิฆเนศ
มีตำนานเล่ากันว่าในสมัยก่อนพวกอสูรมักนิยมบำเพ็ญเพียรภาวนาเพื่อสังเวยบูชาพระเป็นเจ้า โดยหากครั้งใดสามารถบำเพ็ญเพียรภาวนาสังเวยบูชาพระเป็นเจ้าได้สำเร็จแล้ว พระเป็นเจ้า ไม่องค์ใดองค์หนึ่งเกิดใจอ่อนประทานพรให้ พวกอสูรมักจะก่อความเดือดร้อนวุ่นวายจนโกลาหนไปทั่ว เดือดร้อนถึงพระนารายณ์ต้องอวตารลงไปปราบอยู่บ่อยๆ (นารายณ์สิบปาง)
เมื่อเป็นเช่นนี้ทวยเทพทั้งหลายจึงวางแผนเข้าเฝ้าพระอิศวร ขอให้พระองค์สร้างเทพบุตรขึ้นมาเพื่อเป็นเทพเจ้าแห่งการขจัดอุปสรรคทั้งปวงแก่บรรดาทวยเทพ และเป็นเทพเจ้าแห่งอุปสรรคสำหรับเหล่าอสูร เพื่อเหล่าอสูรจะได้ไม่สามารถบำเพ็ญเพียรภาวนาสังเวยบูชาพระเป็นเจ้าได้สำเร็จ
พระอิศวรจึงสร้างพระพิฆเนศวรขึ้นมาสมความตั้งใจของทวยเทพทั้งหลาย พระอิศวรเห็นด้วยกับทวยเทพ จึงให้โอรสกำเนิดขึ้นมามีลักษณะและอิทธิฤทธิ์ตามที่เหล่าทวยเทพต้องการ พระองค์ประทานนามโอรสว่า " พระวิฆเนศวรหรือพระพิฆเนศ " แต่ส่วนใหญ่รู้จักกันในนาม " พระคเณศ " พระอิศวรได้แนะนำสั่งสอนให้พระโอรสคอยขัดขวางปราบปรามพวกอสูรและให้คอยช่วยเหลือเหล่าทวยเทพ ชนทั้งหลายจึงเคารพบูชากราบไหว้พระคเณศสืบต่อกันมาจนถึงทุกวันนี้นะครับ ^^
พระพิฆเนศกับศิลปะ
สวัสดีครับบทความนี้ผมจะมาเล่าที่มาและความเชื่อกันในกลุ่มคนที่เรียนศิลปะกันนะครับ อย่างที่รู้กันว่าเด็กที่เรียนศิลปะทุกคนจะนับถือ องค์พระพิฆเนศ กันนะครับ ซึ่งตัวผมเองก็เช่นกัน และที่มาของความเชื่อ ความสัทธา นั้นก็มีดังนี้นะครับ ^^
พระพิฆเนศ เทพเจ้าแห่งศิลปะวิทยาการ ความสำเร็จ ขจัดความขัดข้องทั้งปวง คนในสมัยก่อนมักชอบพูดกันว่า "อยากเก่งทางรบ ทางการสงครามให้ไหว้พระขันฑกุมาร"
"แต่หากอยากเก่งทางศิลปะและการแต่งหนังสือให้ไหว้พระพิฆเนศ"
**และในเมืองไทยนั้นเรามักจะเห็นคนที่ทำงาน หรือเรียนทางด้านศิลปะนิยมกราบไหว้บูชาองค์พระพิฆเนศวรกันเป็นจำนวนมาก เนื่องจากคนไทยถือกันว่าการกราบไหว้บูชาองค์พระพิฆเนศวจะช่วยให้เก่งทางด้านศิลปะ การแต่งหนังสือจะไม่พบอุปสรรค ขวากหนามและความขัดข้องหมองใจทั้งปวงก็จะถูกขจัดปัดเป่าจนหมดสิ้นไปนั้นเองนะครับ**
นอกจากนี้พระพิฆเนศยังได้ชื่อเป็นเทพสากล เพราะบัญญัติแห่งศาสนพิธีของฝ่ายพราหมณ์-ฮินดู ได้สถาปนาให้เป็นเทพพระองค์แรก ซึ่งต้องกราบไหว้บูชาก่อนเริ่มมงคลพิธีใดๆ ทั้งทางโลกและทางธรรม ยกเว้นงานเดียวที่ห้ามอาราธนา คือ งานศพ ด้วยถือว่าเป็นอวมงคลพิธี พระคเณศหรือพระวิฆเนศตามความนิยมแห่งไสยศาสตร์ได้กล่าวไว้ว่า เป็นเจ้าแห่งความรู้ เป็นหัวหน้านำคณะข้ามความขัดข้อง หรือบางทีก็เรียกว่า สิทธิบดี (เป็นใหญ่เหนือความขัดข้อง) บางพวกก็เรียกว่า อขุรถ (ขี่หนู), คชมุข (หน้าเป็นช้าง), เอกทนต์ (งาเดียว), ลัมพกรรณ (หูยาน), สัมโพทร (ท้องยาน), หรือทวิเทต (ตัวสองลอน)
** และที่สำคัญ พระคเณศวร เป็นเทพเจ้าด้านศิลปะทั้งมวล ไม่ว่าการตกแต่ง การวาด การปั้น วรรณศิลป์ทุกชนิด ล้วนมีส่วนเกี่ยวข้องทั้งสิ้น ดังนั้นบทไหว้ครูงานเขียนการเซ่นไหว้บูชาเพื่อขอพรชาวช่าง จึงมีการอันเชิญเทพพระพิฆเนศมาเป็นเทพบันดาลความไม่ขัดข้อง ขจัดสิ่งที่เป็นอุปสรรคทั้งผองให้สิ้นไป ทำให้งานศิลป์พบความสำเร็จสมประสงค์นั้นเองนะครับ**
และนี้คือเหตุผลที่ทำให้คนที่ทำงาน หรือเรียนทางด้านศิลปะ นั้นจึงนับถือองค์พระพิฆเนศนั้นเองนะครับ ^^
พระพิฆเนศ เทพเจ้าแห่งศิลปะวิทยาการ ความสำเร็จ ขจัดความขัดข้องทั้งปวง คนในสมัยก่อนมักชอบพูดกันว่า "อยากเก่งทางรบ ทางการสงครามให้ไหว้พระขันฑกุมาร"
"แต่หากอยากเก่งทางศิลปะและการแต่งหนังสือให้ไหว้พระพิฆเนศ"
**และในเมืองไทยนั้นเรามักจะเห็นคนที่ทำงาน หรือเรียนทางด้านศิลปะนิยมกราบไหว้บูชาองค์พระพิฆเนศวรกันเป็นจำนวนมาก เนื่องจากคนไทยถือกันว่าการกราบไหว้บูชาองค์พระพิฆเนศวจะช่วยให้เก่งทางด้านศิลปะ การแต่งหนังสือจะไม่พบอุปสรรค ขวากหนามและความขัดข้องหมองใจทั้งปวงก็จะถูกขจัดปัดเป่าจนหมดสิ้นไปนั้นเองนะครับ**
นอกจากนี้พระพิฆเนศยังได้ชื่อเป็นเทพสากล เพราะบัญญัติแห่งศาสนพิธีของฝ่ายพราหมณ์-ฮินดู ได้สถาปนาให้เป็นเทพพระองค์แรก ซึ่งต้องกราบไหว้บูชาก่อนเริ่มมงคลพิธีใดๆ ทั้งทางโลกและทางธรรม ยกเว้นงานเดียวที่ห้ามอาราธนา คือ งานศพ ด้วยถือว่าเป็นอวมงคลพิธี พระคเณศหรือพระวิฆเนศตามความนิยมแห่งไสยศาสตร์ได้กล่าวไว้ว่า เป็นเจ้าแห่งความรู้ เป็นหัวหน้านำคณะข้ามความขัดข้อง หรือบางทีก็เรียกว่า สิทธิบดี (เป็นใหญ่เหนือความขัดข้อง) บางพวกก็เรียกว่า อขุรถ (ขี่หนู), คชมุข (หน้าเป็นช้าง), เอกทนต์ (งาเดียว), ลัมพกรรณ (หูยาน), สัมโพทร (ท้องยาน), หรือทวิเทต (ตัวสองลอน)
** และที่สำคัญ พระคเณศวร เป็นเทพเจ้าด้านศิลปะทั้งมวล ไม่ว่าการตกแต่ง การวาด การปั้น วรรณศิลป์ทุกชนิด ล้วนมีส่วนเกี่ยวข้องทั้งสิ้น ดังนั้นบทไหว้ครูงานเขียนการเซ่นไหว้บูชาเพื่อขอพรชาวช่าง จึงมีการอันเชิญเทพพระพิฆเนศมาเป็นเทพบันดาลความไม่ขัดข้อง ขจัดสิ่งที่เป็นอุปสรรคทั้งผองให้สิ้นไป ทำให้งานศิลป์พบความสำเร็จสมประสงค์นั้นเองนะครับ**
และนี้คือเหตุผลที่ทำให้คนที่ทำงาน หรือเรียนทางด้านศิลปะ นั้นจึงนับถือองค์พระพิฆเนศนั้นเองนะครับ ^^
เขียนรูปหกเหลี่ยมด้านเท่าโดยใช้ไม้ฉาก
สวัสดีครับกลับมาในบทความนี้ ผมจะแนะนำอีกวิธีนึงของการเขียนรูปหกเหลี่ยมนะครับ วิธีแรกที่ได้นำเสนอไปในบทความที่แล้วจะเขียนด้วยการใช้วงเวียนนะครับ
**และในบทความนี้ผมก็จะนำเสนออีกวิธีการเขียนนึง คือการเขียนด้วยการใช้ไม้ฉากสามเหลี่ยมนะครับ งั้นเรามาเริ่มกันเลยนะครับ**
ภาพแสดงการเขียนรูปหกเหลี่ยมด้านเท่าในวงกลมโดยใช้ไม้ฉากสามเหลี่ยม
ขั้นตอนการเขียน
1. สร้างวงกลมให้มีขนาดความโตเท่ากับเส้นทแยงมุมของรูปหกเหลี่ยมที่เส้นผ่าน ศูนย์กลาง PQ และ RS ตามรูปนะครับ
2. เส้นผ่านศูนย์กลางของวงกลมใช้บรรทัดสามเหลี่ยม 30 องศา ทำมุมกับเส้น PQ ทั้ง สองด้าน (หรือใช้มุม 10 องศา ทำมุมกับแนวดิ่ง เขียนเส้นตัดกับเส้นรอบวงของวงก็จะได้จุด ABC และ D ขึ้นมานะครับ)
3. ลากเส้นต่อจากจุดตัด AB BS SC CD DR และ RA ตามลำดับนะครับ ทีนี้เราก็จะได้รูปหกเหลี่ยมด้านเท่าแล้วนะครับ
ไม่อยากอย่างที่คิดใช้มั้ยครับ ^^ สามารถเอาไปทดลองทำหรือเอาไปสอนต่อได้เลยนะครับงานนี้ แล้วครั้งหน้าผมจะกลับมานำเสนอบทความดีๆอีกนะครับ ^^
วันอังคารที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2556
วิธีเขียนรูปหกเหลี่ยมด้านเท่า
สวัสดีครับกลับมาอีกครั้งนะครับ และในบทความนี้ผมจะขอนำเสนอวิธีการเขียนแบบรูปทรงหกเหลี่ยมด้านเท่า โดยใช้วงเวียนนะครับ ซึ่งวิธีการเขียนก็ไม่ได้ยากอะไรเลยนะครับ งั้นเรามาเริ่มกันเลยนะครับ ^^
ภาพแสดงการเขียนรูปหกเหลี่ยมด้านเท่าในวงกลมโดยใช้วงเวียน
ขั้นตอนการเขียนก็จะมีดังต่อไปนี้นะครับ (ดูตามภาพประกอบกันไปได้เลยนะครับ)
1. เขียนวงกลมตามขนาดของรูปหกเหลี่ยมด้านเท่า ดังแสดงในช่องที่ 1
2. ที่จุด A กางวงเวียนรัศมี AO (รัศมีของวงกลม) เขียนส่วนโค้งไปตัดเส้นรอบวงที่จุด C และ D ตามภาพที่แสดงในช่องที่ 2 นะครับ
3. ที่จุด B กางวงเวียนรัศมีเดิม เขียนส่วนโค้งไปตัดเส้นรอบวงที่จุด E และ F ตามภาพที่แสดงในช่องที่ 3
4. ขั้นตอนสุดท้ายนะครับไม่ยากเลยคือ ลากเส้นตรงจาก A-D, D-F, F-B, B-E และ C มาบรรจบที่ A ก็จะได้รูปหกเหลี่ยมด้านเท่าในวงกลม ดังแสดงในช่องที่ 4
** เห็นมั้ยครับง่ายๆ ทำได้สบายไม่ได้ยากอย่างที่หลายๆคนคิดเลยใช้มั้ยครับ ลองทำกันดูได้เลยนะครับ **
การสร้างรูปแปดเหลี่ยมด้านเท่า
สวัสดีครับบทความนี้ผมได้แรงบันดาลใจมาจากรุ่นน้องผมนะครับ รุ่นน้องกำลังเรียนเขียนแบบเบื้องต้น แล้วมีงานให้เขียนรูปแปดเหลี่ยมด้านเท่าโดยใช้วงเวียน ผมจึงคิดว่าหลายๆคน คงยังไม่รู้วิธีทำเลยนำมาเขียนเป็นบทความ เผื่อจะมีประโยชน์กับใครๆบ้างนะครับ ^^ งั้นเรามาเริ่มกันเลยนะครับ
ภาพวิธีสร้างรูปแปดเหลี่ยมด้านเท่า
ขั้นตอนการเขียนมีดังต่อไปนี้นะครับ (ดูตามภาพตัวอย่างได้เลยนะครับ)
1. สร้างวงกลมเท่าขนาดความโตของรูปแปดเหลี่ยมที่เราต้องการหรือตามขนาดที่กำหนดไว้นะครับ
2. ใช้บรรทัดสามเหลี่ยมมุม 45 องศา เขียนเส้นสัมผัสส่วนโค้งของวงกลมตรง ตำแหน่งมุมเฉียง 45 องศา กับจุดศูนย์กลาง 4 เส้น ด้านบนและด้านล่างวงกลมครับ
3. ใช้ไม้ที เขียนเส้นสัมผัสกับเส้นผ่าศูนย์กลางแนวดิ่งทั้งด้านล่างและดา้นบน จะได้ จุดตัดกับเส้น 45 องศา จะได้เส้น AB และ CD นะครับ
4. ใช้บรรทัดสามเหลี่ยมเขียนเส้นตั้งฉาก และสัมผัสเส้นผ่าศูนย์กลางแนวนอน จะได้ จุดตัดกับเส้น AB และ CD จะได้เส้น FE และ HG
5. ลากเส้นต่อจุดตามจุดตัดที่เกิดขึ้นทั้งหมดตามลำดับ AB BF FE ED DC CH HG และ GA จะได้รูปแปดเหลี่ยมด้านเท่าตามรูปที่แสดงให้ดูนะครับ
เห็นมั้ยครับว่าเขียนไม่ยากเลย เพื่อนๆลองนำไปลองเขียนได้เลยนะครับ และในบทความหน้าผมมีไรดีๆจะรีบกลับมาเขียนให้เพื่อนๆ อ่านอีกนะครับ ^^
สกรีนเสื้อแบบง่ายๆ
สวัสดีครับบทความนี้ ผมจะสอนวิธีการสกรีนเสื้อแบบง่ายๆให้นะครับ โดยขั้นตอนการทำก็ไม่วุ่นวายอะไรมากเลยนะครับ ไม่ต้องใช้วิธีการถ่ายเฟรม อัดกาวหรือฉายแสงอะไรทั้งนั้นนะครับ วิธีนี้ง่ายมากสามารถทำเสื้อทีม เสื้อแก๊งค์ ใส่เล่นๆกันได้สบายเลยนะครับ งั้นเรามาเริ่มกันเลยนะครับ
อุปกรณ์ก็มีดังนี้นะครับ คือ
1.เฟรมสกรีน (หาซื้อได้ตามร้านเครื่องเขียนทั่วไป หรือไปยืมใครมาก็ได้นะครับ ^^)
2.สติกเกอร์
3.คัตเตอร์
4.กระดาษกาว
5.เทปหนังไก่
6.สีสกรีน (แนะนำให้ใช้สีสกรีนชนิดสีลอยนะครับ)
7.ขาดไม่ได้คือเสื้อ หรือวตถุที่จะนำมาสกรีนนะครับ ^^
ขั้นตอนการทำก็มีดังนี้นะครับ
1.เลือกแบบ พอเลือกแบบได้แล้วก็นำมาแกะสติกเกอร์นะครับ เมื่อตัดเสร็จก็จะแยกได้เป็น 2 ส่วนนะครับคือ 1.ส่วนกรอบ 2.ส่วนลวดลาย แน่นอนครับเราต้องเลือกใช้ส่วนกรอบมาทำอยู่แล้วครับ ส่วนที่เป็นลวดลายก็นำไปติดเล่นๆ กันไป ฮ่าๆ
2.นำสกิตเกอร์ที่เราตัดได้มาติดลงบนเฟรมสกรีนนะครับ ( ต้องติดให้แนบสนิทกันเฟรมนะครับ ถ้าไม่แนบสนิทดีสีอาจเลอะตามขอบๆ ได้นะครับ)
** 1.ถ้าจะให้บล๊อคใช้งานได้นานควรติดสติกเกอร์ด้านหลังเฟรมนะครับ เพราะยางปาดจะได้ไม่สุดขอบลายเวลาเราปาดสกรีนนะครับ
** 2.ถ้าติดด้านหลังเฟรม แล้วลายที่สกรีนเป็นตัวหนังสือให้กลับด้านตัวหนังสือก่อนนะครับ ไม่งั้นพอสกรีนออกมาตัวหนังสือจะอ่านกลับด้านนะครับ ^^
3.ขั้นตอนนี้เราจะเริ่มสกรีนนะครับ ง่ายๆเลยนะครับเมื่อผสมสีเสร็จก็นำมา เทลงบนเฟรมได้เลยนะครับ สำหรับที่ปาดสีก็ไม่ต้องคิดไรมาครับ อาจจะใช้กระดาษลัง หรือใช้ไม่บรรทัดพลาสติกก็ได้นะครับ (เพราะถ้าจะซื้อยางปาดราคาจะแพงนะครับ อันนึงก็หลายร้อย ใช้พวกนี้แทนก็สามารถปาดสกรีนได้เหมือนกันครับ)
4.เมื่อเตรียมบล๊อค เตรียมสี เตรียมเสื้อ ( เสื้อนี้ควรจะเอากระดาษแข็งหรือแผ่นไม้ แผ่นเหล็ก อะไรก็ไรก็นะครับใส่ไว้ข้างในเสื้อ กันสีเลอะไปด้านหลัง และช่วยทำให้เสื้อเป็นทรงด้วยนะครับ ) ก็นำบล๊อคไปวางลงบนเสื้อ หรือวัตถุที่เรานำมาสกรีนนะครับ (ที่สำคัญควรวางบล๊อคลงบนเสื้อให้ตรงตำแหน่งที่เราอยากจะสกรีนนะครับ เพราะสามารถวางได้แค่ครั้งเดียวนะครับ เสียแล้วเสียเลยนะครับ)
5.ทำการปาดสีนะครับ โดยปาดสี 1-2 ครั้ง ไม่ต้องเพิ่มสีนะครับ วิธีการปาดสีตามรูปภาพนะครับ
6.ผลงานเสร็จเรียบร้อยตามภาพ นำไปตากแดดให้แห้ง ที่นี้เราก็จะได้เสื้อสกรีนฝีมือเราทำเองแล้วนะครับ
ลองนำไปทำกันดูนะครับ สนุกๆขำๆ กันไป จะได้เสื้อใส่เท่ห์ๆ เพิ่มอีกซักตัวสองตัวนะครับ ^^
อุปกรณ์ก็มีดังนี้นะครับ คือ
1.เฟรมสกรีน (หาซื้อได้ตามร้านเครื่องเขียนทั่วไป หรือไปยืมใครมาก็ได้นะครับ ^^)
2.สติกเกอร์
3.คัตเตอร์
4.กระดาษกาว
5.เทปหนังไก่
6.สีสกรีน (แนะนำให้ใช้สีสกรีนชนิดสีลอยนะครับ)
7.ขาดไม่ได้คือเสื้อ หรือวตถุที่จะนำมาสกรีนนะครับ ^^
ขั้นตอนการทำก็มีดังนี้นะครับ
1.เลือกแบบ พอเลือกแบบได้แล้วก็นำมาแกะสติกเกอร์นะครับ เมื่อตัดเสร็จก็จะแยกได้เป็น 2 ส่วนนะครับคือ 1.ส่วนกรอบ 2.ส่วนลวดลาย แน่นอนครับเราต้องเลือกใช้ส่วนกรอบมาทำอยู่แล้วครับ ส่วนที่เป็นลวดลายก็นำไปติดเล่นๆ กันไป ฮ่าๆ
2.นำสกิตเกอร์ที่เราตัดได้มาติดลงบนเฟรมสกรีนนะครับ ( ต้องติดให้แนบสนิทกันเฟรมนะครับ ถ้าไม่แนบสนิทดีสีอาจเลอะตามขอบๆ ได้นะครับ)
** 1.ถ้าจะให้บล๊อคใช้งานได้นานควรติดสติกเกอร์ด้านหลังเฟรมนะครับ เพราะยางปาดจะได้ไม่สุดขอบลายเวลาเราปาดสกรีนนะครับ
** 2.ถ้าติดด้านหลังเฟรม แล้วลายที่สกรีนเป็นตัวหนังสือให้กลับด้านตัวหนังสือก่อนนะครับ ไม่งั้นพอสกรีนออกมาตัวหนังสือจะอ่านกลับด้านนะครับ ^^
3.ขั้นตอนนี้เราจะเริ่มสกรีนนะครับ ง่ายๆเลยนะครับเมื่อผสมสีเสร็จก็นำมา เทลงบนเฟรมได้เลยนะครับ สำหรับที่ปาดสีก็ไม่ต้องคิดไรมาครับ อาจจะใช้กระดาษลัง หรือใช้ไม่บรรทัดพลาสติกก็ได้นะครับ (เพราะถ้าจะซื้อยางปาดราคาจะแพงนะครับ อันนึงก็หลายร้อย ใช้พวกนี้แทนก็สามารถปาดสกรีนได้เหมือนกันครับ)
4.เมื่อเตรียมบล๊อค เตรียมสี เตรียมเสื้อ ( เสื้อนี้ควรจะเอากระดาษแข็งหรือแผ่นไม้ แผ่นเหล็ก อะไรก็ไรก็นะครับใส่ไว้ข้างในเสื้อ กันสีเลอะไปด้านหลัง และช่วยทำให้เสื้อเป็นทรงด้วยนะครับ ) ก็นำบล๊อคไปวางลงบนเสื้อ หรือวัตถุที่เรานำมาสกรีนนะครับ (ที่สำคัญควรวางบล๊อคลงบนเสื้อให้ตรงตำแหน่งที่เราอยากจะสกรีนนะครับ เพราะสามารถวางได้แค่ครั้งเดียวนะครับ เสียแล้วเสียเลยนะครับ)
5.ทำการปาดสีนะครับ โดยปาดสี 1-2 ครั้ง ไม่ต้องเพิ่มสีนะครับ วิธีการปาดสีตามรูปภาพนะครับ
6.ผลงานเสร็จเรียบร้อยตามภาพ นำไปตากแดดให้แห้ง ที่นี้เราก็จะได้เสื้อสกรีนฝีมือเราทำเองแล้วนะครับ
ลองนำไปทำกันดูนะครับ สนุกๆขำๆ กันไป จะได้เสื้อใส่เท่ห์ๆ เพิ่มอีกซักตัวสองตัวนะครับ ^^
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)